“ปดิพัทธ์”  ลั่น ไม่เสียดายหากต้องลาออกรองประธานสภาฯ ซัด รธน.ปี60 มีปมต้องแก้เยอะ

“ปดิพัทธ์”  ลั่น ไม่เสียดายหากต้องลาออกรองประธานสภาฯ ซัด รธน.ปี60 มีปมต้องแก้เยอะ
“ปดิพัทธ์”  ลั่น ไม่เสียดายหากต้องลาออกเก้าอี้รองประธานสภา เปิดทางก้าวไกลได้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ซัด รธน.ปี 60 มีปมต้องแก้เยอะ

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ระบุถึง กรณีที่นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีระบุว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานว่า นายวิษณุพูดถูก ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ หากถามว่ารัฐธรรมนูญเขียนแบบนี้ทำไม ซึ่งตนก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ ประเทศอื่นเขาก็ไม่ได้ห้ามกัน ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 60 ที่บันทึกไว้อย่างชัดเจน  ในส่วนของพรรคก้าวไกลต้องให้ทางพรรคไปหารือกันเอง เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านจะต้องไม่มีสมาชิกพรรคมาจากตำแหน่งของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประธานสภาและรองประธานสภา ซึ่งเป็นกิจการภายในของพรรคก้าวไกลตนไม่ไปก้าวล่วง  ส่วนจะหารือกันอย่างไรตนไม่ทราบ เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมกับทางพรรคเลย และออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว ซึ่งคนที่มีอำนาจคือกรรมการบริหารพรรค

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างหากมีการให้ลาออกจริงๆ นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ตนพร้อมทุกบทบาท แต่ตอนนี้ตนยังเป็นรองประธานสภาอยู่ ตนก็ได้ทำตามที่ประกาศวิสัยทัศน์ไว้เรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเสียดายหรือไม่ เนื่องจากหลายเรื่องตั้งใจจะผลักดันและยังไม่ได้ทำอย่างเต็มที่ นายปฏิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่ ถ้าตนเป็นรองประธานสภาก็ทำในบทบาทรองประธานสภา หากตนเป็นสส. หรือเป็นกรรมาธิการตนก็สามารถทำอีกบทบาทหน้าที่หนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่เสียดาย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านระบุไว้ว่าต้องเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งปัจจุบันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ เงื่อนไขจะเป็นอย่างไรต่อ นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ค่อยว่ากัน เนื่องจากเรื่องของนายพิธา มีความไม่แน่นอนสูง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าสุดท้ายแล้วจะต้องทำตามรัฐธรรมนูญ และต้องลาออกจากการเป็นรองประธานสภา การทำงานให้ประชาชนตามเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกล จะผลักดันกันต่อไปอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ค่อยไปผลักดันต่อในคณะกรรมการกิจการสภาก็ได้ ซึ่งข้อเสนอหลายอย่าง นายมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เห็นด้วย และคิดว่าตรงกับ วิชั่นของสำนักเลขาธิการอยู่แล้ว ตนคิดว่าเรื่องนี้คงไปได้ 

ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ตั้งหลักอย่างไรเนื่องจากมีแนวโน้มความไม่แน่นอน ซึ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  นายปดิพัทธ์ ชี้ว่า ตนโฟกัสแค่งานตัวเอง  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าตั้งความหวังไว้กับงานสภามาก ว่าอยากจะผลักดันประธานสภา ซึ่งมีความเสียใจหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ได้หมด 

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่มีปมปัญหาเยอะ ดังนั้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาจากประชาชนจริงๆและเข้าใจกระบวนการ ว่าประเทศเราควรจะไปอย่างไร สร้างรัฐสภาแบบไหน ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะปมนี้ แต่ยังมีปมให้ สว.มาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายที่เครียดไม่ใช่ตนเองแต่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้และประชาชนที่จับตาดูอยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยังหวังหรือไม่หากทางพรรคเพื่อไทยกลับมาง้อพรรคก้าวไกลและหวังหรือไม่ว่าจะได้อยู่ทำงานตรงนี้ต่อ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตรงนี้ตนไม่มีความเห็น เป็นทีมงานของแต่ละพรรคต้องเจรจากันเอง ตนเป็นคนวงนอกมากๆ และทำงานของตัวเอง และตนก็คิดว่าหลายอย่างผลักดันได้เร็วกว่าที่คิด  แต่มันก็แปลกๆ พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเสียงอันดับ 1 ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  ไม่ได้เป็นประธานสภา รองประธานสภาก็ไม่ได้เป็น แต่ตนคิดว่าความแปลกเหล่านี้คือรัฐธรรมนูญปี 60 และการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งตนคิดว่าเราอย่าไปคิดเป็นสาระในการที่ต้องยึดเอาไว้ 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองว่าก้าวไกลพลาดตั้งแต่ต้นที่ปล่อยตำแหน่งประธานสภาให้พรรคอื่น ที่ไม่ใช่พรรคอันดับ 1 หรือไม่  นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรพลาด ทุกอย่างคือการเจรจาที่ดีที่สุดในเวลานั้น ส่วนการเมืองตอนนี้หลายคนก็เครียด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรายวันและบางทีรายชั่วโมงด้วย ก็อยากให้ ประชาชน ติดตามการเมืองและเชื่อใจว่ากระบวนการต่างๆต้องเดินหน้าได้ พรรคที่แต่ละคนเลือกมาก็ทำหน้าที่ตามที่เขาสัญญาไว้ จึงอยากขอให้ประชาชนจับตาดูและตัดสิน แต่ไม่ต้องเครียดมากจนเกินไป และใน 4 ปีนี้ยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นให้ประชาชนได้ติดตามกันอีกเยอะ

TAGS: #ก้าวไกดล #รองประธานสภา #ผู้นำฝ่ายค้าน #ปดิพัทธ์ #สันติภาดา