เพื่อไทยยอมรับยากที่ "ก้าวไกล" จะโหวตให้ถือเป็นเอกสิทธิ์ “ภูมิธรรม” มั่นใจเสียงเกิน 375 “เศรษฐา”ได้เป็นนายกฯไม่ให้ราคา "ชูวิทย์" แฉ ยันมติเพื่อไทยไม่ส่งเลือกตั้งซ่อมระยอง มองไม่มีโอกาสชนะ
พรรคเพื่อไทยโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคได้ ร่วมกันแถลงหลังการประชุม ส.ส.โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้ซึ่งสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย และ สส. ของพรรคจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้ง 141 เสียง รวมถึงเสียงของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็จะมีทิศทางไปในทางเดียวกัน และมั่นใจว่าจะมีเสียงเกิน 375 เสียงขึ้นไป โดยกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ว่าจะเป็นวันที่ 18 หรือ 21 สิงหาคมนี้ ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภากำหนด
สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติไม่โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคเพื่อไทยไม่มีท่าทีใด เพราะถือมิติการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างมี พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจ และขอตอบอย่างจริงใจ ว่า ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตั้งแต่มีข้อเสนอและพบปะพูดคุยกับพรรคก้าวไกลล่าสุด ประเมินสถานการณ์การเมืองตลอด ยอมรับว่า โอกาสยากที่ก้าวไกลจะยกมือให้เพื่อไทย
ด้านนายภูมิธรรม ระบุว่า หากพรรคก้าวไกลโหวตให้ก็ขอบคุณ หากไม่โหวตก็ถือเป็นเอกสิทธิ ขณะที่การรวมรวมเสียงนั้นได้เกิน 375 เสียงแน่นอน หากโหวตได้นายกรัฐมนตรีและมีการโปรดเกล้าฯก็พร้อมจัดตั้งรัฐบาลมาแก้ไขปัญหา เชื่อมั่นว่านายเศรษฐา ทวีสิน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ในส่วนจะมีพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ ต้องรอความชัดเจนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งจากการหารือกันมีความคืบหน้าเรื่อยๆ และเท่าที่คุยกับพรรคร่วมทุกพรรคมุ่งเป้าหมายโหวตนายกรัฐมนตรี หากโหวตเสร็จจะคุยการแบ่งกระทรวงภายใต้กรอบวิกฤตการณ์ และการบริหารแต่ละกระทรวง รวมถึงต้องหาคือกันถึงประเด็นการคุมกระทรวงเดิมของพรรคร่วมนั้นภายใต้กรอบวิกฤต 3 อย่าง และจากที่คุยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี
สำหรับกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ นายเศรษฐา เกี่ยวกับความไม่สุจริตเรื่องการเลี่ยงภาษีการซื้อที่ดิน นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนรู้จักนายชูวิทย์ดี ว่า สามารถนำเสนอประเด็นได้เรื่อยๆ แต่คุณสมบัติของเศรษฐาก็เป็นไปตามระเบียบ ถ้าผ่านกระบวนการมาเรียบร้อยแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา และเมื่อมีการรับรองแล้วจะมีคนเห็นเหมือน หรือเห็นต่างอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติไม่ส่งผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อม จังหวัดระยอง เนื่องจากได้ประเมินสถานการณ์ พื้นที่ และเสียงสนับสนุน ที่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้ และการส่งผู้สมัครครั้งนี้ อาจจะมีประเด็น ความเห็นต่างในมิติการเลือกตั้ง และภาพรวมทางการเมือง อีกทั้งผู้สมัครเดิมของพรรคเมื่อครั้งเลือกตั้งทั่วไป ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 4 ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคงเป็นไปได้ยาก หากจะต้องส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พรรคจะต้องเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้