สว.สมชาย พบความเคลื่อนไหว "เพื่อไทย" สแตนด์บายชื่อ "อุ๊งอิ๊ง - ชัยเกษม" จี้เปิดตัวพรรคร่วม – แคนดิเดตนายกฯ ให้ชัดเจน ชี้โอกาส "เศรษฐา" 50:50
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่อาจมีการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยว่า ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวบางประการ ที่มีการสแตนด์บายชื่อ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ อีก 2 คนของพรรคเพื่อไทยไว้แล้ว สว. จึงต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่า จะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช่นายเศรษฐาหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.แพทองธาร หรือนายชัยเกษม แล้วมาแจ้งสภา ในวันที่ 21 หรือ 22 ส.ค. สว.จะตรวจสอบคุณสมบัติ 2 คนนี้ทันหรือไม่ ถ้า สว. ไม่ได้ตรวจสอบ อาจไม่โหวตให้
นายสมชาย ระบุว่า ดังนั้นภายในวันที่ 21 ส.ค.ขอให้พรรคเพื่อไทย นำแคนดิเดตนายกฯ พร้อมนำแกนนำทุกพรรคการเมืองที่จะจับมือร่วมรัฐบาล ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคยิ่งดี มาแถลงข่าวเปิดตัวให้ชัดเจนว่า ใครคือแคนดิเดตนายกฯ ที่จะถูกเสนอชื่อ มีพรรคร่วมรัฐบาลใดบ้าง มีพรรค 2 ลุงหรือไม่ และมีนโยบายฝ่าวิกฤติ สร้างความปรองดองอย่างไร
"ถ้ามีผู้ใหญ่ระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมแถลง จะได้เกิดความสบายใจว่า ความขัดแย้ง 2 ขั้ว จะเปลี่ยนเป็นความสมานฉันท์" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อนายเศรษฐา ก็อยากให้เจ้าตัวมาแสดงวิสัยทัศน์วันที่ 22 ส.ค. นี้ เพื่อตอบข้อสงสัยต่างๆ จะเป็นข้อได้เปรียบที่ สว. จะโหวตให้อย่างสบายใจ ที่ผ่านมา นายเศรษฐาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กและคลิปอย่างเดียว ยังไม่ละอียดพอ ไม่สามารถตอบเรื่องการให้ รปภ.และแม่บ้านเป็นนอมินีได้ มัวแต่พูดประเด็นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่พอใจนายเศรษฐา เพราะไม่ยอมซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ ดูแล้วเป็นประเด็นนอก แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องนอมินี ซึ่งนายเศรษฐาควรมาชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจน พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้เสียงตั้งรัฐบาลมี 314 เสียง ขาดอยู่ 60 กว่าเสียง ทำให้ สว. ที่ไม่มีเงื่อนไขแก้มาตรา 112 จะโหวตให้ รวมถึง สว. ที่บอกจะโหวตให้พรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ สว. 2 กลุ่มนี้ มีอยู่ 20 กว่าคน เมื่อรวมกับกลุ่ม สว. ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว ก็อาจโหวตเพิ่มให้ รวมแล้วคงได้เสียงใกล้เคียง 60 คน แต่อาจมี สว. บางส่วนยังติดใจคุณสมบัตินายเศรษฐา ที่ยังชี้แจงข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินได้ไม่ชัดเจน อาจไม่โหวตให้ โอกาส ณ ตอนนี้อยู่ที่ 50:50 ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการช่วง 2-3 วันนี้ของพรรคการเมือง แต่โอกาสมีมากขึ้นกว่าตอนเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ