“ชัยชนะ” ลั่น 16 สส.ปชป. ไม่ใช่งูเห่าแหกมติพรรคโหวต “เศรษฐา”นั่งนายกฯ ชี้เป็นเสียงข้างมาก เพื่อหวังหาทางออกให้ประเทศ ปัดดีลร่วมรัฐบาล น้อมรับหากพรรคมีมติขับออกในอนาคต
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุ กรณี 16 สส.ปชป.แหกมติพรรคโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ใช่เรื่องการตกขบวนหรือร่วมขบวน ซึ่งการประชุมพรรคเเมื่อวันจันทร์ที่ 21ส.ค.ที่ผ่านมามี 3 ความเห็นคือ เห็นชอบ ไม่เห็นชอบและงดออกเสียง และต่อมาที่ประชุมมีมติงดออกเสียง จากนั้นตนและเพื่อน สส.ได้นั่งรับฟังการอภิปรายข้อมูลของวุฒิสมาชิกและเพื่อนสส.ถึงข้อสงสัย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากได้ฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว จึงสรุปได้ว่าไม่มีน้ำหนักที่จะเป็นปัญหาในการเข้าสู่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายชัยชนะ กล่าวว่า จากการที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนจึงได้สอบถามประชาชนในพื้นที่ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยประชาชนส่วนใหญ่ต้องการหาทางออกให้กับประเทศ และได้บอกว่าหากเป็นนายเศรษฐา หรือเป็นบุคคลที่ไม่มีความคิดล้มล้างสถาบันฯหรือการแก้ไขมาตรา 112 ก็ต้องโหวตให้เขา เช่นเดียวกับจุดยืนพรรคเพื่อไทยไม่แก้ไขมาตรา 112 และจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน และตนคิดว่าเลือกตั้งล่วงเลยมา 90 วัน เรายังไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จำเป็นที่สุดคือประเทศต้องหาทางออกให้ได้ หากประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้คนที่เจ็บช้ำมากที่สุดคือประชาชน
นายชัยชนะ กล่าวว่า สส. ปชป. 16 คนที่โหวตเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ได้มีการหารือกันซึ่งหลายคนเห็นด้วยกับแนวคิดแต่เพื่อนสส.ก็ได้โหวตไปก่อน เราจึงตัดสินใจในชั่วโมงสุดท้าย ว่า จะโหวตให้กับ นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญในการโหวตครั้งนี้ไม่ได้ยืนยันว่าเราจะร่วมรัฐบาลซึ่งเราพร้อมทำงานทั้ง 2 หน้าที่ ทั้งร่วมรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่กลัวตกขบวนรถไฟคันสุดท้าย
“ผมกราบขออภัยแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนที่คาดหวังว่าจะต้องไม่โหวตหรืองดออกเสียง และบางส่วนขอให้โหวต จึงกราบขออภัยในฐานะที่เป็นตัวแทนเพื่อนสส.ทั้ง 16 คนที่ได้โหวตเมื่อวาน ผมทราบ แต่สิ่งที่ทำเป็นการหาทางออกให้ประเทศ ” นายชัยชนะกล่าว
นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า การโหวตเลือกนายเศรษฐา ไม่ได้มีการดีลมาก่อน มติพรรคออกมาก่อนแล้วจริง แต่ในกลุ่มสส. ส่วนใหญ่มีความเห็นเช่นนี้ถ้าจะประชุมใหม่คงไม่ทัน ตนทราบดีว่าการที่ทำผิดมติพรรคอะไรจะเกิดขึ้นก็น้อมรับในคำตัดสิน ยอมรับให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เราน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะสิ่งที่เราทำมีอยู่สองทางให้เลือก เมื่อถามว่าหากพรรคมีมติขับออกจะทำอย่างไร นายชัยชนะ กล่าวว่า ให้ถึงเวลานั้น มันยังมาไม่ถึง แต่พร้อมรับคำตัดสิน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนโหตได้แจ้งนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรคปชป. ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ได้มีการคุยกันเนื่องจากเวลากระชั้นชิด เพราะเริ่มโหวตเวลา 15.00 น. ซึ่งสส. คุยกันก็เกือบ 15.00น.
เมื่อถามว่ามีการมองว่าการโหวตดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองเป็นอะไหล่ให้พรรคเพื่อไทย นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นพรรคอะไหล่ของเขา ยืนยันว่าการโหวตเมื่อวานแล้วเราจะได้เป็นรัฐบาล ยืนยันว่าพร้อมจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและจะทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด แต่ที่โหวตเพราะต้องหาทางออกประเทศแล้วจริงๆ
“และที่สำคัญที่บอกว่าผมเป็นงูเห่า ยืนยันว่าไม่ใช่งูเห่า เพราะงูเห่าต้องมีจำนวนน้อย ผมไปเพราะเสียงข้างมาก สส.ในพรรคส่วนใหญ่มีความเห็นเป็นเช่นนี้ และได้มีการตกลงร่วมกันแล้ว และคำว่างูเห่าต้องเป็นส่วนน้อยของพรรคแต่นี่เป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นจึงเรียกงูเห่าไม่ได้ พวกผมไม่ใช่ 16 งูเห่า ” นายชัยชนะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่า มีผลประโยชน์แอบแฝงจากการโหวตสวนมติพรรครั้งนี้หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า การโหวตไม่ใช่ร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เราก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ใครจะไปคิดว่ามีผลประโยชน์ก็คิดได้ แต่ความจริงก็คือความจริง ตนเป็นคนที่พร้อมให้ข้อมูลเพราะเป็นข้อเท็จจริงไม่เคยหลบสื่อมวลชน ไม่เคยให้ร้ายพรรค ไม่เคยทำให้พรรคเสียหาย ยึดมั่นกับพรรคมาตลอด
เมื่อถามว่ามีการมองว่าเป็นการตีเช็คเปล่าเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ใช่ตีเช็คเปล่า แต่เป็นการหาทางออกให้ประเทศ เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยมาเชิญร่วมรัฐบาลเข้าร่วมหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ตนตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลหรือไม่เป็นมติของใคร นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้องกลับไปถามที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค( กก.บห.) และ สส.อยู่แล้ว เพราะกก.บห.ยังมีอำนาจเต็ม แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการส่งเทียบเชิญ