หมากเด็ดของ "ลุงตู่" หากฝ่ายค้านคุมเกมยึดสภาได้ ก็พร้อมส่งสัญญาณให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมของสภาเพื่อสกัดการอภิปราย
การเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.โดยใช้ชื่อยุทธการถอดหน้ากากคนดี นั้น ถือเป็นนัดสั่งลาหรือนัดส่งท้ายของสภาชุดนี้ เพราะใกล้ปิดสมัยประชุมสภา วันที่ 28 ก.พ.และกำลังจะหมดวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคม นี้ เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการนับถอยหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภาก่อนหมดวาระ ประมาณกลางเดือนมีนาคม จึงทำให้ศึกอภิปรายครั้งนี้ร้อนระอุ เป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ เป็นเวทีชิงไหวชิงพริบกันในทางการเมืองเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง
แม้ตามเหตุและผลของรัฐธรรมนูญในการเปิดอภิปรายทั่วไปจะไม่ดุเดือดเลือดพล่านเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป้าหมายของฝ่ายค้านมุ่งชำแหละความล้มเหลวในการบริหารประเทศ 3 ปี หลัง ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัยในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยสรุปคือฝ่ายค้านต้องการทุบ พล.อ.ประยุทธ์ ให้น่วม เพื่อเปิดแผลให้ติดตัวไปในการเลือกตั้งและในการอภิปรายฝ่ายค้านได้เวลาการอภิปรายทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง และรัฐบาลได้เวลา 8 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ มีการประเมินว่า "บิ๊กตู่"จะยุบสภาหนีการอภิปราย เพราะเกรงจะถูกยำใหญ่ ตกม้าตายก่อนลงสู้ศึกเลือกตั้ง เหตุ"บิ๊กตู่"คุมอารมณ์ไม่อยู่ ลีลาการชี้แจงเรียกแขกมากกว่าเรียกคะแนน และที่สำคัญขุมข่ายกำลังในสภาเวลานี้ "บิ๊กตู่"ไม่ได้แข็งแกร่งดังเดิม เพราะดันไปประกาศล่วงหน้าสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ บางส่วนที่เคยเป็นองครักษ์พิทักษ์ อาจนิ่งเฉย เปิดทางให้ฝ่ายค้านกำหนดเกมอภิปราย เช่น เดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลก็อาจจะสงวนท่าทีไม่ปกป้อง หากฝ่ายค้านไม่กระทบชิ่งมา
ทว่าทีมงาน"ลุงตู่"ประเมินแล้วฝ่ายค้านน่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่ พูดด้วยลีลาเดิมๆเพื่อต้องการเวทีหาเสียง เหมือนการอภิปรายไม่ไววางใจที่ผ่านมา ซึ่งหนักหน่วงกว่าหลายเท่า แต่"ลุงตู่" ยังผ่านมาได้ และ หาก "ลุงตู่"คุมอารมณ์ได้ ชี้แจงดี จะพลิกเป็นแต้มบวกให้แฟนคลับนำไปขยายผลได้ ในทางกลับกันหากหนีซักฟอกจะมีผลเสียมากกว่า เพราะฝ่ายค้านจะนำไปขยายผลตามหลอกหลอน ในการเลือกตั้งไม่จบไม่สิ้น
งานนี้ "ลุงตู่"จึงยืนหยัดสู้ท่ามกลางมั่นใจของแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่คอยให้กำลังใจและตั้งวงตอบโต้อยู่วงนอก ทั้ง "แรมโบ้อีสาน"และ "ทิพานัน ศิริชนะ"ส่วนในสภาได้ "รังสิมา" ที่จะย้ายจากค่ายประชาธิปัตย์มาสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติครั้งหน้า คอยเป็นกันชนให้ "ลุงตู่" อุ่นใจขึ้นเยอะ
อย่างไรก็ตาม หมากเด็ดของ "ลุงตู่" หากฝ่ายค้านคุมเกมยึดสภาได้ ก็พร้อมส่งสัญญาณให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมของสภาเพื่อล่มการอภิปราย
สำหรับเนื้อหาการอภิปรายนั้น ฝ่ายค้านจะพุ่งเป้า ใน 4 ประเด็นหลัก อาทิ 1.มิได้ปฏิบัติหรือดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่รัฐบาลประกาศว่าจะเร่ง ดำเนินการก็ไม่ได้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด อาทิ ประชาชนระดับฐานรากยังมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมากขึ้น เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย คนไร้ที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ปัญหาประมงพื้นบ้าน กลุ่มมารดาตั้งครรภ์เด็กแรกเกิดยังไม่ได้รับสวัสดิการ ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ปัญหาเรื่องบ่อนการพนัน ปล่อยปละละเลยให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหากินและบ่มเพาะอาชญากรรมต่อเนื่องและฟอกเงิน
2.ปฏิรูปการเมืองล้มเหลว การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ไม่มีการปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้โดยขาดความจริงใจ 3.แก้เศรษฐกิจล้มเหลว ใช้จ่ายงบประมาณและการก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ส่งผลให้หนี้สินต่อครัวเรือนและต่อหัวประชากรสูงขึ้น และ 4.เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางทั้งจากโครงการขนาดใหญ่จนถึงระดับท้องถิ่น มีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้องตนเองให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ
งานนี้ว่ากันตามจริง เป้าหมายหลักฝ่ายค้านหวังผลมากสุดคือจะเปิดแผลการทุจริตของ"บิ๊กตู่"เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นมากในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อหักล้างที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศชูภาพ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ในการหาเสียงเพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ฉะนั้นศึกการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้จึงเป็นการเดิมพันอนาคตเก้าอี้นายกฯของ "ลุงตู่" อีกสมัย และ นอกจากจะเป็นการเดิมพันวัดกระแสความนิยมระหว่างฝ่ายค้านกับ "ลุงตู่"แล้วยังเป็นเกมวัดใจ "ลุงป้อม"กับ "ลุงตู่"อีกด้วยว่า จะแตกกันจริง หรือแค่ละครแยกกันไปลงเลือกตั้งแล้วกลับมารวมกันหลังเลือกตั้งอีกด้วย โดยให้จับตาบทบาท สส.พลังประชารัฐสายลุงป้อม จะเล่นบทแอบช่วย "ลุงตู่"หรือไม่
ฉะนั้น การเมืองนาทีนี้มีผลิกผันได้ตลอดเวลาและคำพูดที่ว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศรัตรูถาวร"ยังใช้ได้เสมอ