“หมอชลน่าน” ขอส.ส.-ประชาชน เข้าใจเหตุยกบางกระทรวงให้พรรคร่วมฯดูแล ยันแม้ไม่ได้ดูแลบางกระทรวง แต่ยึดนโยบายเพื่อไทยเป็นหลัก ส่วนกลาโหมจะเป็นพลเรือนหรือคนมียศงานก็เดินได้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผยความคืบหน้าการจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่พรรคเพื่อไทย รวบรวมรายชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อนำเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อส่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาคุณสมบัติ แต่หากถามว่านิ่งหรือยัง ตอนนี้ก็เกือบ100% วันนี้อาจจะมีการพิจารณาโอกาสใกล้ ๆ สุดท้าย
ส่วนกระแสส.ส.อีสานไม่พอใจการแบ่งโควต้าโดยเฉพาะกระทรวงเกษตร ฯ และกระทรวงศึกษาธิการให้พรรคอื่นไป หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกเกือบทุกพื้นที่ มี ส.ส.ที่รับปัญหาจากพี่น้องประชาชน เรารับรู้รับทราบความต้องการนี้มาโดยตลอดว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำควรจะดูกระทรวงไหนอย่างไร โดยเฉพาะกระทรวงที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มีมาโดยตลอด แต่เราอยู่ในฐานะที่ต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล การทำงานร่วมกัน การเจรจาต่อรอง เพื่อเป้าหมายหลักร่วมกัน ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยในหลักการเหล่านี้ ทำให้บางกระทรวง ที่เราคาดหวังว่าเราอยากจะได้ทำ ไม่เป็นไปตามความต้องการ
“ต้องกราบขออภัยจริง ๆ ในฐานะที่เราไม่ได้เป็นเสียงข้างมากเด็ดขาด เราจำเป็นต้องมีพรรคร่วม เรามีแค่ 141 เสียงเอง เราต้องหาเพิ่มอีกมากมายกว่าจะเป็น 314 เสียงได้ เลยมีข้อจำกัด ก็เลยทำให้ความประสงค์ของส.ส.หรือประชาชนไม่เป็นไปตามคาดหวังได้ แต่ยืนยันว่าในฐานะแกนนำรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา เรามั่นใจว่านโยบายที่พูดคุยระหว่างพรรคร่วม จะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นหลักขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีไม่ว่าจะมาจากพรรคใด มีข้อผูกพันตรงนี้ไว้แล้ว เขาจะมีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทยลงสู่ประชาชน ตรงนี้จะเป็นเรื่องที่ชดเชยทดแทนได้”นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนนโยบายพักหนี้เกษตรกรของพรรคเพื่อไทย จะไม่เป็นอุปสรรคกับกระทรวงเกษตรฯ ใช่หรือไม่ เพราะรัฐมนตรีว่าการเป็นของพรรคอื่น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้พูดคุยและแถลงการณ์ในนามพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้วจะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นแกนหลัก และจะเขียนเป็นนโยบายรัฐบาลออกมา ฉะนั้นอะไรที่ปรากฎเป็นนโยบายรัฐบาลต้องถูกขับเคลื่อน ไม่ว่ากระทรวงใดก็แล้วแต่ ไม่เป็นปัญหาเพราะเราจะพูดคุยกัน
เมื่อถามว่าถ้ารัฐมนตรีเป็นพลเรือนมาดูแลกระทรวงกลาโหม จะคุมกองทัพได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังไม่เป็นจุดสุดท้าย ยังตอบไม่ได้ ว่าจะมีพลเรือนหรือเป็นคนที่มียศมีตำแหน่งหรือไม่ แต่ในยุคใหม่ การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดในฐานะผู้บริหาร สามารถบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวง ทบวง กรมให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลได้
“ผมเชื่อว่าคงจะไม่เป็นประเด็น โดยเฉพาะในรัฐบาลของเรา เป็นนโยบายที่เราสร้างขึ้นมา เป็นรัฐบาลที่เราต้องการที่จะสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ลดความขัดแย้ง ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันแล้ว เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหาร ตำรวจจะเข้ามาช่วยกันทำงาน เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายของประเทศและประชาชน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว