ฝ่ายค้าน เปิดอภิปราย ม.152 กระชากหน้ากากคนดี

ฝ่ายค้าน เปิดอภิปราย ม.152 กระชากหน้ากากคนดี
"ผู้นำฝ่ายค้าน"เปิดอภิปราย ม.152 กระชากหน้ากากคนดี ด้าน "พิธา" ปลุกปิดสวิตซ์ 3 ป. ออกจากการเมืองเข้าคูหาตัดสินใจอนาคตประเทศไทยเอง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 ตอนหนึ่ง ระบุ  การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา นโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ไม่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ มุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์การเมือง เพื่อสร้างคะแนนนิยมรัฐบาล และความอยู่รอดของตัวเอง การปฏิรูปการเมืองล้มเหลว เกิดธนกิจการเมือง ใช้เงิน เพื่อสืบทอดอำนาจการเมือง อยู่ 8 ปีไม่พอ ยังพูดกำกวมจะไปต่ออีก 2 ปี ไม่คำนึงถึงความชอบธรรม

ทั้งนี้ การใช้งบประมาณไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตกว้างขวาง ทั้งโครงการใหญ่และระดับท้องถิ่น เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพวกพ้องตนเอง มีการผูกขาดแสวงหาผลประโยชน์โครงการของรัฐ เป็นรัฐบาลที่ซื้อขายตำแหน่งมากที่สุด ขณะที่ปัญหายาเสพติด และบ่อนพนันออนไลน์ ไม่มีการป้องกันปราบปรามจริงจัง ให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน ล้มเหลวแก้อาชญากรรมทางเทคโนโลยี

“ปัญหาประเทศทับถม เพราะขาดยุทธศาสตร์บริหารประเทศ ขาดความซื่อสัตย์การปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลชุดนี้ได้ฉายาหน้ากากคนดี ฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นตัวตนของคนดีที่ใส่หน้ากาก จะกระชากหน้ากากคนดีให้ประชาชนได้รู้ แม้จะไม่มีการลงมติในการอภิปราย แต่ขอให้ประชาชนไปลงคะแนนในคูหา จะให้คนดีอยู่ต่อไหม ประเทศต้องไปต่อย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน เพื่อสืบทอดอำนาจ” 

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ความสูญหายของเวลา 8 ปี เรื่องหนึ่ง คือ สัญญาปากเปล่าที่นายกฯบอกว่าจะมาปราบโกง ตามดัชนีคอร์รัปชันของประเทศไทย ปี 2557 ไทยอยู่อันดับที่ 85 แต่ปี65 อยู่ที่ 110 ตกลงไป 25 ลำดับใน 8 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศเวียดนามจากที่ได้คะแนน 35 เต็ม 100 กลายเป็น 42 คะแนน ส่วนประเทศไทย จาก 37 เป็น 36 เต็ม100 คะแนน แต่คู่แข่งขันสำคัญอย่างประเทศเวียดนามเดินนำ

เราจะต้องทำการเมืองให้ดี ด้วยการปิดสวิตซ์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ได้มาจากการยกร่างรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บังคับใช้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนอายุ 14 ขวบ พร้อมกับลงโทษอย่างรุนแรง ถือเป็นทางตันของประเทศ ดังนั้นต้องตัดวงจรดังกล่าว

"ประชาชนกำลังจะเข้าคูหาในอีก 80 วันนับจากนี้ ผมลงมติในการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในคูหาเลือกตั้ง ข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของสภาชุดนี้ สามารถจะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งทศวรรษที่รุ่งโรจน์และมีอนาคตที่ทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

TAGS: #ม.152 #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ศึกซักฟอก #การเมือง