เศรษฐา เทหมดหน้าตัก ลั่นขอนอนทำเนียบ 3-4 วันต่อสัปดาห์ เปิดบ้านพิษณุโลกให้คณะที่ปรึกษาทำงาน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวเสวนาในหัวข้อ "Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต" ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 ตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ผมเข้าทำเนียบไป ผมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีประมาณ 10 วินาที เพราะซินแสสั่งให้นั่งเวลาไหนเท่านั้นเอง ผมก็ลุกออกมาแล้ว แล้วผมก็ไม่เคยนั่งเลย ใช้เป็นห้องทางผ่านเวลาไปเข้าห้องน้ำอย่างเดียว ไม่ได้นั่งที่ทำเนียบเลย แล้วผมก็เดินไปตามโต๊ะต่าง ๆ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงระบบที่ตั้งเป็นโต๊ะ ๆ ให้ inclusive ให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
เพื่อรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนและประสานงานทุกภาคส่วน การมีห้องกั้นไม่เป็นมิตรภาพมากเท่าไหร่ ผมอยากให้เป็นรัฐบาลที่เข้าถึงง่าย และมีคณะทำงาน คิดว่าจะไปใช้บ้านพิษณุโลก เป็นห้อง ไม่อยากใช้คำว่าเป็นกองบัญชาการ อยากคณะที่ปรึกษาไปทำงานกัน ลดขั้นตอนการทำงาน
พิธีกรถามว่า จะนอนทำเนียบจริง นายเศรษฐากล่าวว่า จริง เพราะบ้านผมมีเนื้อที่ 197 ตารางวาเองครับ แล้วมันเล็กมาก แล้วต้องมีตำรวจ เพื่อนบ้านเดือดร้อน และใช้เวลาเดินทางเยอะ ไม่อยากเป็นภาระกับตำรวจ กับหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยเหมือนกัน คนที่เป็นภาระก็เป็นฝ่ายเลขาฯ ผม ที่ต้องมา ผมเป็นคนง่าย ๆ
ตื่นขึ้นมาแล้ว ถ้าผมกิน breakfast ผมก็กินกับสุนัขที่บ้าน เล่นกับเขาไป ถ้าผมกิน 6 โมงครึ่ง ก็ต้องมีคนมาสั่งงานได้แล้ว 6 โมงครึ่ง แล้วผมก็ไปอาบน้ำต่อ ผมยอมเป็นภาระกับกลุ่มเลขาฯ 4-5 คนเท่านั้นเอง
"ก็ 3-4 วันต่ออาทิตย์ ถ้ามีภารกิจตอนค่ำกินข้าวอะไรกับใครก็กลับมาก็มาสั่งงานก่อนนอนได้อีกหน ที่บอกว่า เทหมดหน้าตักจริง ๆ ก็ต้องทำงานกันหนักจริง ๆ เข้าใจว่า ปกติแต่ละคนมีขีดที่จะรับงานแตกต่างกันไป รับได้ก็รับ เราไม่ได้ก็เวียนกันมาทำงาน บางคนบ้านอยู่ฝั่งธนฯ บางคนบ้านอยู่สุขุมวิทก็อาจจะใช้เวลาต่างกันไป ก็เวียนกันมา ไม่มีปัญหา บอกได้ว่าไหว ไม่ไหว พยายามเต็มที่ ผมก็บอกท่านนายกฯ ประยุทธ์ไปวันที่ไปพูดคุยกัน ท่านก็บอกว่า ระวังคนหาว่าระวังคนหาว่าสร้างภาพ ผมก็พยักหน้ารับทราบ ก็เข้าใจครับ เข้าใจความหวังดีในการตอบ เข้าใจว่าโดนแน่นอน" นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า เคยพูดว่าอีกสักพักจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน ทั้งเรื่องงาน เรื่องผลที่จะวัน นายเศรษฐา กล่าวว่า ปีใหม่น่าจะได้ สิ่งที่ตนไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นเพียงการแถลงนโยบาย ไม่อยากจะพูดไว้เฉยๆ ไม่ลืมที่ไปหาเสียงไว้ ไม่ลืมที่ไปพูดไว้ ไทม์ไลน์อาจมีความคลาดเคลื่อน ไม่ถูกจริตความต้องการของประชาชน แต่ตนไม่ได้เป็นนายกฯที่เป็นมา 4 ปี หรือ 8 ปี แล้ว ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ยังไม่ทราบกระบวนการ งบประมาณ กลไก เท่าที่อยากจะทราบแต่พยายามเรียนรู้ระบบราชการให้เร็วที่สุด เพื่อทำงานร่วมกับภาคราชการต่อไป
เมื่อถามว่าการไปพูดที่ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) มีการพูดเรื่องการกระจายคอนเน็คชั่น เพื่อกระจายให้คนตัวเล็ก นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยืนยันว่าวปอ.เป็นสถาบันที่สมควรจะมี และต้องมี เป็นสถาบันที่มีการรวมตัวกันระหว่างข้าราชการชั้นกลางและชั้นสูงที่กำลังไต่เต้าไปจนบนสุดของพีระมิด ต้องการการประสานงานที่ดีมากๆ และเห็นด้วยกับภาคเอกชนหลายท่านที่ไปมา ตนถือเป็นเรื่องสำคัญ เยาวชนเห็นว่าพวกเราที่นั่งตรงนี้ ทำอะไรไม่เหมาสมอยู่บ้างหรือไม่ อยากคิดไม่มีใครเห็น ตนยืนยันวปอ. เป็นสถาบันที่ดีสมควรได้รับการสนับสนุนต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่าเทหมดหน้าตัก เมื่อถามว่าก่อนเลือกตั้งมีคำมั่นต่างๆ แต่การตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอธิบายเหตุผลได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามี 141 เสียง เราต้องการ 376 เรารวมกับก้าวไกล แต่ได้ไม่ถึง ถ้าเราไม่จับมือกับคนอื่นจะได้ 376 เสียง หรือไม่ จะคอย 9-10 เดือน ประชาชนคอยได้หรือไม่ มันคอยไม่ได้ ตนไม่ได้ขอความเห็นใจแต่เป็นคณิตศาสตร์พื้นฐาน
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ขั้วประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง แต่การตั้งรัฐบาลทำให้เห็นว่าการรัฐประหารลงอย่างสวยงาม นายเศรษฐา กล่าวว่า จุดยืนตนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร พรรคที่มาร่วมกับเราอย่างภูมิใจไทย แม้มาจากรัฐบาลเก่าแต่ไม่มีส่วนร่วมรัฐบาลเก่า อีกสองพรรคคนที่เกี่ยวกับการรัฐประหารก็ไม่อยู่แล้ว ประเทศต้องเดินต่อ หลายคนจะบอกว่านายกฯส้มหล่น นายกฯตระบัดสัตย์ก็พูดกันไป แต่คนเข้าใจจริงทราบคณิตศาสตร์เป็นอย่างไร สิ่งที่จะตอบได้ดีสุดคือเรื่องผลงาน
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าที่บอกว่าอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง มีสองนัยคืออยู่กับปัจจุบันที่มีอยู่โดยไม่มีความฝันที่จะผลัดกันไปวันข้างหน้า นายเศรษฐา กล่าวว่า ความฝัน ความหวัง แรงบันดาลใจ เป็นภารกิจกิจหลักที่ตนแบกไว้ และต้องนำเสนอ ต้องแสดงให้เห็นในสี่ปี ต้องทำให้ประชาชนมีความหวัง ถ้าเขาไม่มีความหวัง อีก สี่ปีก็ไปใช้สิทธิสะท้อนออกมาในคะแนนเสียง
เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะพูดได้หรือไม่หนึ่งปีครึ่งหรือสองปีจะเสร็จ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนต้องการ สถานการณ์ที่เราอยู่เป็นความผิดปกติของรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไข
เมื่อถามว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญถ้าทำอย่างเต็มที่จะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยสัญญาแล้วทำได้จริง นายเศรษฐา กล่าวว่า "ผมเทหมดหน้าตักแล้ว ถ้าเกิดคำว่าไม่เทหมดหน้าตัก แสดงว่ายังมีก๊อกสองในกระเป๋า ผมมีอะไรในกระเป๋า ผมไม่มี ผมเต็มที่กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม รัฐธรรมนูญ เราพูดไปทุกเวที อาจยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเวลา ถ้าชัดแล้วจะมีการขีดไทม์ไลน์"
เมื่อถามถึงการซื้อขายตำแหน่งจะทำอย่างไรให้การซื้อขายตำแหน่งหมดไป นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียว แต่การให้เกียรติข้าราชการ ไม่ยอมรับการซื้อขายตำแหน่ง การซื้อขายตำแหน่งถือว่าเป็นการคอร์รัปชั่นที่ร้ายแรงและรัฐบาลนี้ไม่ยอมรับ ส่วนตัวดูกระทรวงการคลังมอบนโยบายก็เน้นเรื่องนี้ ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงประเด็นตำรวจเพราะรู้ว่าข้าราชการตำรวจเสียเวลาอย่างมากการวิ่งเต้นโยกย้าย ขออภัย ผบ.ตร.ด้วย แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องพูด ก็จะมีการกำกับในเรื่องนี้ และถ้าพูดถึงความเป็นจริงเรื่องซื้อขายตำแหน่งอย่างไรก็ไม่หมดไป แต่ต้องทำให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ได้ยอมรับการซื้อขายตำแหน่งแต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริง
และในเดือน ก.ย. ก็เป็นเดือนที่ร้อนแรงเหลือเกิน คนที่ไม่รู้จักกัน 20-30 ปี ก็ส่งเข้ามา ญาติกันเต็มไปหมดเลยตนก็ไม่รู้ เยอะมากเกินไป ที่ปรึกษาที่คุยกันอยู่ให้ปรึกษาไม่ได้ให้เอาคนมาฝากมันอะไรก็ไม่รู้ ตนจะรู้ได้อย่างไรคนไหนเก่ง คนไหนดี ก็ต้องไปถามผู้บังคับบัญชาเขา เป็นความลำบากใจเหมือนการที่ต้องจัดลำดับความเหมาะสมระหว่าง ภาคการเมือง ภาคธุรกิจและภาคราชการ ที่ต้องให้ความสำคัญ แต่ยืนยันแกนของการทำงานให้ความเป็นธรรมมากที่สุดกับภาคราชการ
เมื่อถามอีกว่า นายกฯเป็นคนไหว้สวย นายเศรษฐา กล่าวว่า คุณแม่สอนไว้ว่าการไหว้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นความประทับใจแรกพบ เป็นการเริ่มต้นที่ดี ถ้าทักทายเหมาะสมเป็นการให้เกียรติให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นใครต้องให้ความเสมอภาคตรงนี้