"พิชิต" เล็งหารือ "ภูมิธรรม" คุยแก้รัฐธรรมนูญ ยันต้องเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด ลั่นสำเร็จในยุค "เศรษฐา" เป็นของขวัญให้ประชาชน ย้ำฟ้อง "สมชัย" ไม่ได้โกรธแค้น แค่ปกป้องตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา
นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกของรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลในส่วนของการแก้ไขหรือยกเลิก กฎหมายสำคัญตั้งแต่สมัยคสช.หรือกฎหมายอื่นๆที่จำเป็นจะต้องพิจารณาขึ้นมาใหม่หรือไม่ ว่า ส่วนตัวก็คงจะดูหลายๆเรื่องตามที่ได้รับมอบหมายงานมา ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและคำสั่งคสช. ก็หลายๆเรื่องที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่าแก้ไขหรือจัดทำฉบับใหม่ นายพิชิต ระบุว่า วันนี้มาหารือรูปแบบวิธีการ แต่เบื้องต้นมติของคณะรัฐมนตรี มีมติให้ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมามอบหมายให้กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ วันนี้ก็มาปรึกษารูปแบบวิธีการให้เป็นไปตามนโยบายพรรคในช่วงหาเสียง ส่วนจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดนี้ด้วยหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ตนก็กำลังคุยกันอยู่
ส่วนแนวทางเบื้องต้นในการจัดทำประชามติ นายพิชิต กล่าวว่า ก็คงจะมีการพูดคุยกันในหลายประเด็น เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะมีประเด็นเรื่องของการแก้ไขรายมาตรา หรือว่าแก้ทั้งฉบับ และจะต้องทำอย่างไร ยืนยันจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามประชาธิปไตยมากที่สุด และจะทำให้สำเร็จภายในรัฐบาลของนายเศรษฐา
เมื่อถามว่า คำว่าทำให้สำเร็จนั้น หมานถึงการแก้ไขรายมาตราหรือทั้งฉบับแนวทางไหนน่าจะเหมาะสมที่สุด นายพิชิต ย้ำว่า ก็ต้องคุยกันก่อน เพราะอะไรที่แก้ได้และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน ให้มีความรู้สึกว่าไม่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ทำได้ก็น่าทำ ส่วนการแก้ไขทั้งฉบับ ก็มีกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร แก้ก็ต้องทำให้สำเร็จด้วย เพราะหากเราไปคิดแก้หลายๆอย่าง เช่นแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือเกี่ยวกับพระราชอำนาจ ก็ต้องตระหนักว่า เราจะทำได้หรือไม่เพียงใด และจะทำให้ร่างแก้ไขในวาระแรกในสภาหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงรูปแบบวิธีการจะทำอย่างไร ตนมีหลักในการคิดว่า เมื่อถึงเวลาที่บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ก็อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ในสมัยของนายกเศรษฐา เพราะท่านได้แถลงนโยบายไว้แล้ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญกับประชาชนทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 หมวด 2 นายพิชิต ระบุว่า ยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เราไม่แตะหมวด 1 หมวด2 และอะไรที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ แต่การสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วม ในการแก้ไข ในแนวคิดส่วนตัว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมรายภาคส่วนมานั่งคิดกัน สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาล เราก้าวข้ามความขัดแย้งต่างๆแล้ว เราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายให้มากที่สุด
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองนั้น นายพิชิต ตอบว่า ตนทราบอยู่แล้ว ว่ากฤษฎีกาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของการเป็นรัฐมนตรี ผมไม่ยึดติดตำแหน่ง ผมเป็นคนทำงาน ถ้าทุกท่านที่รู้จักผมตลอดมา รู้ว่าตนเป็นคนทำงาน และก็ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และอายุก็ 60 กว่าแล้ว ขอให้โอกาสตน แล้วจะทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชนมากที่สุด ในส่วนของกฎหมาย ก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรม สร้างกระบวนการหลักนิติธรรม ให้เกิดกับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด เรื่องของตนก็ขอให้ติดตามต่อไป ว่ามีโอกาสอยู่ตรงไหน ตนก็ทำจุดนั้นให้ดีที่สุด ขออยู่กับปัจจุบัน
" เมื่อท่านนายกฯ เมตตากรุณา มอบหมายให้ผม มาดูเรื่องกฎหมาย สนก็จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ให้มีความชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเข้าใจว่าเมื่อตนจะเข้าสู่การเมือง ก็ไม่มีอะไร จิตไม่ได้ตกอะไร ดีหรือชั่วก็อยู่ที่ตัวเอง " นายพิชิต กล่าว
นายพิชิต ยังกล่าวถึงกรณีที่มอบนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ฟ้องดำเนินคดี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในคดีหมิ่นประมาท ว่า เจตนาไม่ได้มีการโกรธแค้น เพียงต้องการให้สาธารณชนรับรู้ ของตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนที่ถูกกล่าวหา บางทีถ้าล่วงเกินกันเกินไป ก็ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งตนก็มีครอบครัว มันทำให้กระทบต่อครอบครัวและตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อผมได้มาดูกฎหมายตนก็จะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างขอให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป