“นายกฯ” ลุกโต้เพื่อไทย หลังอภิปรายปม กลุ่มทุนจีนสีเทา "ตู้ห่าว" ชี้ เข้ามาตั้งแต่ปี 54สมัยรัฐบาลใด เมียโยงรมต.สมัยไหนไปดูด้วย ซัดกล้าพูดเรื่องคอรัปชั่น ทั้งที่รัฐมนตรีหลายคนติดคุก หนีคดีไปต่างประเทศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล ว่า คดีตู้ห่าวที่พูดกันมาหลายคน ขอให้ย้อนกลับไปดูว่า พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นนานพอสมควร เกิดมาก่อนปี 2557 โดยตู้ห่าวเข้ามาไทยตั้งแต่ปี 2554 มีการอนุมัติอนุญาตเรื่องสัญชาติต่างๆตั้งแต่ปี 2554 กระบวนการ เรื่องสัญชาติก็ดำเนินการมาเรื่อยจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ในเมื่อท่านเสนอมาและตรวจสอบแล้วถูกต้องก็เป็นการอนุมัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และพฤติกรรม ขอให้ไปย้อนดูด้วย วันนี้มีการฟ้องร้องและให้ข้อมูลจากภาคประชาชนและตนก็สั่งให้สืบสวนสอบสวน ไม่อยากจะโทษใคร อาจจะถูกปล่อยปละละเลยมานานแล้ว เงินเหล่านี้ขอย้อนกลับไปให้สอบสวนว่ามีการดำเนินการมาอย่างไรเมื่อไหร่ ตนได้ทราบว่ามีการนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ยกหมู่บ้านและก็ไม่ทราบว่าเป็นบริษัทของใคร ยกหมู่บ้านหลายหมู่บ้านด้วยกัน นายกฯยืนยัน รัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนในการขายบ้าน และแถมสัญชาติให้ ไม่มี ท่านไปเช็คดี ๆ ว่าภรรยาของตู้ห่าว มีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีสมัยบางพรรคก็แล้วกันไปดูข้อมูลข้อเท็จจริงด้วย โดยระหว่างที่นายกฯ ชี้แจงถึงประเด็นนี้ได้มีการขึ้นสไลด์มีระบุข้อความว่า “รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ” ประกอบการชี้แจงด้วย
“ผมยืนยันแต่ต้น คุณชูวิทย์ก็ได้มาเจอผม และผมก็ได้รับฟังท่านพร้อมกับส่งข้อมูลให้กับตำรวจทันทีหลักนิติธรรมก็ต้องมีผมทำถูกต้อง แต่อาจไม่ถูกใจ ไม่ทันใจทุกคนการดำเนินการบางอย่างอยู่ในขั้นตอนบางอย่างเปิดเผยได้บางอย่างเปิดเผยไม่ได้เพราะอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสอบสวน”
ส่วนประเด็นการออกหมายเรียกส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ของพนักงานสอบสวนกองบัญชาการ บช.ปส. กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันและสามารถขยายผลดำเนินคดีได้หลายราย บางรายก็หลบหนีไปพนักงานสอบสวนจึงออกหมายจับและติดตามจับกุมกลับมาได้บางรายที่หลบหนีอยู่ก็ยังสืบสวนเพื่อตามจับกุมตัวให้ได้และที่สมาชิกได้อภิปรายว่าส.ว.คนดังกล่าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง พัวพันนั้นตำรวจก็เข้าไปสืบสวนสอบสวนตามอำนาจกฏหมายป.วิอาญา
ส่วนการเพิกถอนหมายจับนั้น ก็เป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีความเห็นให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก่อน เรื่องนี้ตนไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย ไม่ได้ช่วยเหลือใคร นี่คือกระบวนการทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้ความเห็นนี้เนื่องจากที่พูดแบบนี้เนื่องจากไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นจากตำรวจอัยการศาลและเรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรที่พนักงานสอบสวนต้องร่วมกันทำการสอบสวนกับพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุด มอบหมายตาม กฏหมาย ซึ่งตนได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายเข้ามาสอบสวนด้วยกันและสั่งใครไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของกระบวนการบูรณาการบริหารจัดการคดีนี้ให้สิ้นสุดโดยเร็วจำเป็นต้องมีการสอบสวนหาพยานหลักฐานให้รัดกุมรอบคอบก่อนหากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องมากขึ้นอีกก็จะออกหมายเรียกซึ่งเป็นดุลยพินิจและการปฎิบัติของ พนักงานสอบสวนตามกฏหมายป.วิอาญา ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนและยังอยู่ภายในอายุความถ้าออกหมายเรียกเมื่อไหร่ภายใน 15 วันไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็มีเหตุที่จะออกหมายจับเพราะฉะนั้นไม่มีใครไปเอื้อประโยชน์หรือไปช่วยเหลืออย่างไรได้เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฏหมาย
นายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เปิดผับจินหลิง เรื่องนี้ตำรวจนครบาลได้สืบสวนจับกุมและได้ผู้ต้องหามาหลาย 10 รายบางก็หลบหนีและออกหมายจับอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายส่วนที่พูดว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันเป็นผู้บังคับบัญชาก็มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนและให้ออกราชการไว้ก่อนไปแล้วรายใดที่มีความผิดอาญาด้วยก็ให้ดำเนินคดีไปตามกฏหมาย ส่วนที่กล่าวหาว่าไปย้ายตำรวจคนขยันเรื่องนี้เป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งอยู่ภายในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งได้พิจารณาไปตามกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ระเบียบต่างๆไปแล้ว
ส่วนประเด็นนายหยู่ซินฉี ตั้งสมาคมปลอมเพื่อช่วยทำวีซ่านำคนจีนสีเทาเข้าประเทศในช่วงปี 2563-2564 เป็นจำนวน 7,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.ช่วยเหลือ วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้ชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าให้ทางสื่อมวลชนทราบเป็นระยะแล้วจะเห็นว่าตำรวจพยายามดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาหากพบเจ้าหน้าที่ผู้ใดร่วมกันกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการทั้งวินัยและอาญาไม่มีการยกเว้นรวมถึงคนไทยหลายคนที่อาจไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยที่รับผลประโยชน์
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรื่องนี้ตน ยืนยันเสมอมาว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้เป็นเด็ดขาด เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ส่วนที่พาดพิงเรื่องการคอรัปชั่นต่างๆไม่อยากจะย้อนกลับไป หลายคนก็กล้าพูดออกมาเพื่อรักษาอำนาจทั้งที่ อดีตรัฐมนตรีหลายคน ก็มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นติดคุกไปหลายคนบางคนก็ไปต่างประเทศก็มีแต่ตั้งแต่รัฐบาลปี 2557 ของตนยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดติดคุกสักรายเลย นี่คือข้อเท็จจริง
นายกรัฐมนตรีขึ้นข้อความสไลด์ประกอบการชี้แจงว่า “พรรคเพื่อไทยเรื่องคอรัปชั่นยังกล้าพูดเหรอรัฐบาลหลายคนก็มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นมีรัฐมนตรีติดคุกตั้งหลายคนบางคนไปต่างประเทศ ตั้งแต่มีรัฐบาลปี 2557 ยังไม่มีรัฐมนตรีท่านไหนติดคุกสักราย”