นายกฯปาฐถา พร้อมเปิดประเด็นต้อนรับการลงทุน แจงเดินหน้านโยบายพักหนี้

นายกฯปาฐถา พร้อมเปิดประเด็นต้อนรับการลงทุน แจงเดินหน้านโยบายพักหนี้
 นายกฯ พร้อมเปิดประเทศ ต้อนรับการลงทุน แจงจำเป็นต้องพักหนี้ ช่วยเกษตรกร ยัน​ ไม่มีการจำนำ-ประกันราคา เว้นภัยพิบัติ  รับ​ ไทยมีปัญหาขัดแย้งหมักหมมนาน​ ชี้ใช้คำพูดผ่านโซเชี่ยลบาดใจถึงขั้นสะอื้น​

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภายในงาน ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต ที่จัดโดย ประชาชาติธุรกิจ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาการต่างประเทศ ก็เช่นกัน ซึ่งประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก่อนเป็นประเด็นแรก คือปัญหาความเหลื่อมล้ำปัญหาสังคม เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่หมักหมมมายาวนาน ไม่อยากจะบอกว่าถูกไปปะละเลยการแก้ปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ยากและใหญ่มีหลายมิติ ทำให้การแก้ปัญหาได้ไม่ตรง จึงต้องเริ่มด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีการวางโรดแมพไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เรามีส่วนทุกคนในการร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำตามทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่ง คนรวยก็รวยมาก คนจนก็จนมาก

ถ้าให้รัฐบาลออกมาตรการ เป็นคำสั่งแก้ปัญหา คิดว่าปัญหาไม่ถูก เพราะตัองแก้ปัญหาด้วยจิตใต้สำนึกของทุกคน ขอวิงวอนให้ทุกคนเข้าใจ และเชื่อว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกมิติ ไม่ว่าจะสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ เลือกการประกอบอาชีพ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้ช่วยกันซัพพอร์ตแสดงความเห็น ในเชิงบวก

 

นายเศรษฐากล่าวว่า ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาหรืออาจนานกว่านั้น ในส่วนของตนเองขอบคุณในฐานะคนไทย เมื่อเรามีความเห็นต่าง มีความไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย แทนที่จะพูดจากันด้วยภาษาที่ทุกคนรับฟังกันได้อย่างสบายหู มีสีหน้าที่ดูแล้ว มีมิตรภาพบนความเห็นต่าง ตนเองว่าจะเป็นการกระทำที่ดีกว่า แต่ปัจจุบันนี้ การให้ความสำคัญกับ Social Media เยอะคนพูดเยอะ มีการใช้คำพูดที่บาดหัวใจ ฟังแล้วสะอื้นได้พอสมควร ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องอ่อนไหวจริงๆ ทำให้เปลี่ยนตัวเอง แต่ผลกระทบในเชิงลึกมีมาก สังคมมีความแตกแยกมีการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เรามีวิธีการที่สื่อสารกันได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันไป คำพูดคำจาแต่ละคำมีความหมายลึกซึ้ง  ปัญหาไม่ได้เพิ่งเกิด 2-3 ปี แต่เกิดมานานแล้ว หลายคนอาจจะบอกว่าการใช้ภาษารุนแรงนั้นชัดเจน แต่อาจจะมีวิธีอื่นแก้ปัญหา  ตนอยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แล้วหันเข้าหากัน ก่อนตน เป็นคนพูดห้วนสั้นแต่จากนี้ไปต้องพูดให้ยาวขึ้น  ผมเป็นคนที่ชัดเจนมาตลอด หากรู้จัก ผมเป็นพูดน้อย ได้ใจความ แต่มายืนอยู่ตรงนี้ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่ง พี่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่เราเอง ต้องมีการปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ลดความขัดแย้งลงไปในการพูดจา

"ผมไม่ได้ต้องการว่าใครหรือตอบโต้ใครทั้งสิ้น การใช้คำว่าปฏิรูปสังคายนา ล้างบาง ผมขอยกตัวอย่างคำพูดเหล่านี้ ผมว่าทุกๆคนก็มีความภูมิใจในองค์กรของตัวเอง ทุกคนเข้าใจในความหวังดี ขององค์กรตัวเอง และทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่เราใช้คำพูดที่รุนแรง วิธีการที่ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เป็นวิธีการที่แก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือการแก้ไขปัญหาอยู่ที่การกระทำ และการพูด การที่เอาสถาบันต่างๆ มาพูดในที่สว่าง มีคำพูดที่รุนแรง เชื่อว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาคือพูดคุยกัน ในภาษาที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ไปเน้นหนักที่การกระทำ"นายเศรษฐากล่าว

 

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้ สังคมนั้นดีขึ้น ผมเชื่อว่าผมไม่ต้องพูดเยอะในเรื่องนี้ แต่ทุกคนตระหนักดีอยู่แล้ว การกระทำตัวของทุกคนในสังคม มีส่วนช่วยให้สังคมลดความเหลื่อมล้ำ คนที่มีเยอะ ในเรื่องของการใช้ Social Media อวดแสดงตนว่าเหนือท่าน หลายๆเรื่อง หากลดลงไปได้บ้าง คนที่อยู่ชายขอบของสังคมเขาก็จะมีความสบายใจขึ้น เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ อาจจะรวมถึงผมเองไม่สายเกินไป ในการช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้นจากการกระทำของพวกเราเองทุกคน ตนพูดไปหลายวงแล้วไม่อยากเน้นเยอะ เดี๋ยวจะหาผมมีอคติกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมไม่สบายใจจริงๆกับเรื่องนี้ เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราจะนำประเทศเดินไปข้างหน้าควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจทุกคนเข้าใจดี  GDP เพื่อนบ้านที่โตกว่าเราถึงสองเท่า ปัญหาเศรษฐกิจพี่น้องประชาชนเดือดร้อนถ้าไม่มีการเยียวยาหรือบริหารจัดการจะเรียกว่าประชานิยมหรือนโยบายหาเสียงอะไรก็ได้แต่มีอีกหลายสิบล้านคน ที่เดือดร้อนอยู่กับปัญหาปัจจุบัน รัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชนอะไรที่ทำได้เราทำก่อน เช่นการลดค่าไฟ หลายคนเข้าใจว่าพยายามทำอยู่อย่างการพักหนี้เกษตรกร หลายคนคงไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร พักหนี้มาแล้ว 13 ครั้งภายใน 9 ปีแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ความจำเป็นที่ต้องพักตอนนี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนมาก ทำให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อ มีหลายตลาดที่เรายังด้อยกว่าประเทศอื่น อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศเยอะ เราไม่มีความประสงค์เรื่องการจำนำข้าวหรือประกันราคาข้าว โดยรัฐบาลจะใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริม ยกเว้นจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เราต้องช่วยจุนเจือเกษตรกร ไม่ขอพูดเรื่องรัฐบาลก่อนๆ 

นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้ง  การบริหารจัดการน้ำแบ่งเป็นสี่ส่วน คือการบริโภค ระบบนิเวศ  อุตสาหกรรม  และเกษตรกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และในปีนี้ฝนตกช้าและตกน้อย และสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตกลงมาก็ตกหลังเขื่อน จึงได้กำชับเรื่องการเก็บน้ำ  ได้สั่งการกรมชลประทาน ต้องไม่ให้เกิดขึ้นและควบคู่กับการเกษตรกรรมทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงการเดินทางไปประชุมยูเอ็น  ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสเจอผู้นำหลายประเทศและเป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วในการทำธุรกิจทุกประเทศ เราจะมีผู้นำและรัฐบาลเดินทางไปพบปะกับทุกประเทศ เพื่อทำ เร่งเจรจาเพื่อขยายข้อตกลง FTA เพื่อเป็นการเปิดประเทศ ให้นักลงทุนเข้ามา และจากการที่ได้พบตัวแทนหลายบริษัท เช่นไมโครซอฟ เทสล่า ก็ให้ความสนใจ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญ สำหรับการลงทุนอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ที่ไม่ได้พึ่งจาก GDP ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งไทยไม่ใช่มีเพียงวัฒนธรรม ภูเขา ทะเล หรือ สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังมีโรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ไว้รองรับ 

ส่วนเรื่องของสนามบินก็เป็นเรื่องสำคัญไม่อย่างนั้นความเจริญก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร หรือภูเก็ตเท่านั้น ซึ่งในการท่องเที่ยวไม่ใช่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้เขาอยู่ประเทศไทยนานขึ้น ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน โปรโมทยกระดับการท่าอากาศยานให้รองรับเครื่องบินมากขึ้น เพื่อให้เที่ยวบินสามารถบินเข้าออกในช่วงกลางคืนได้ด้วย เป็นความปรารถนาของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนสนามบินในพื้นที่ภาคใต้ เป็น อันดามันแอร์พอร์ต หรือที่เชียงใหม่ เป็นล้านนาแอร์พอร์ต ต้องพัฒนาขึ้นจากเดิม ผมเทหมดหน้าตักในการพัฒนาประเทศ บำบัดบำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน   

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมนี้ และยืนยัน ไม่ลืมต้นน้ำที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็น 10 ปี พร้อมยกตัวอย่างกรณีของบริษัทบริษัทรถญี่ปุ่นที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถอีวี ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเดือดร้อน ซึ่งเราจะมีการพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้าย ทำให้ช่วงเวลาที่จะปรับตัวกับช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติที่มี การพูดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญ  พร้อมย้ำ รัฐบาลพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ พูดคุย และรับข้อเสนอแนะ  เพื่อดึงดูดการลงทุน สนับสนุนหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้ออกไปพูดคุยกับนานาประเทศ

ขณะที่ภารกิจในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี​ จะนำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ตและพังงา​ เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง โครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน​ และรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่​ รวมไปถึงพูดคุยกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิง เกี่ยวกับการขยายเวลาสถานบันเทิง 24 ชั่วโมง

 

TAGS: #นายกฯ #ปาฐกถาพิเศษ #เศรษฐาทวีสิน