“ชาดา” เผย บัญชีผู้มีอิทธิพลเสร็จแล้ว! แย้มมี 600-700 รายชื่อ เตรียมนำเข้าที่ประชุมใหญ่ถก 3 ต.ค.นี้ ก่อนลงพื้นที่ล้อมวงคุย กำนัน-ผญบ.ทั่วประเทศ ขู่งัดมาตรการภาษีเล่นงานหากไม่เลิกพฤติกรรม
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เผยถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้จัดทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรายชื่ออยู่ประมาณ 600-700 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีแดง ไม่ถึง 100 ราย เนื่องจากบางส่วนได้ล้มหายตายจากไปเยอะ ที่เหลือเป็นกลุ่มสีเหลืองที่จัดอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง โดยรวมถึงซุ้มมือปืนด้วย ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นแค่ฟรีแลนซ์ แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องรอข้อมูลจากตำรวจและฝ่ายความมั่นคงก่อนว่าข้อมูลตรงกันไหม อีกทั้งส่วนตัวก็ยังไม่เห็นรายชื่อกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะยังอยู่ในชั้นความลับทางราชการ ยืนยันว่า ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งว่า เป็นคนของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ เพราะเมื่อขึ้นบัญชีเสร็จแล้ว จะยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง จากนั้นจะมีคณะกรรมการพิจารณาร่วมกัน ดังนั้นตนจะมาชี้ว่าคนนี้ใช่หรือไม่ใช่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งการพิจารณาว่าใครคือผู้มีอิทธิพลจะดูตามกรอบ 16 ฐานความผิดว่าแต่ละคนเข้าข่ายมากน้อยแค่ไหน และจัดอยู่ในกลุ่มสีอะไร โดยในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่
นายชาดา เผยว่า หลังจากนี้ตนจะเดินสายพบปะกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติ หากพบใครมีพฤติกรรมเข้าข่ายแต่ยังไม่มาก ก็จะขอให้ละเลิกพฤติกรรมนั้นเสีย พร้อมกับวางมาตรการและให้งบประมาณไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น การตรวจปัสสาวะบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำท้องถิ่น ส่วนที่ต้องพุ่งเป้าไปที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เพราะถือเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีทั้งอิทธิพลด้านดีและไม่ดี ซึ่งมหาดไทยคงไม่ออกไปค้นบ้านหรือไปสร้างกระแสให้ฮือฮา แต่จะค่อยๆ ไปล็อคให้อยู่ คนที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองจะต้องไม่โตไปกว่านี้ หากไม่เชื่อก็เจอกันแน่ โดยที่กำนันและผู้ใหญ่บ้านจะต้องสแกนพื้นที่ของตัวเอง โดยมีนายอำเภอและผู้ว่าฯ ควบคุมอีกชั้นหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใน ส.ส.ในสภาฯ มีกลุ่มเจ้าพ่อ มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล หรือไม่ นายชาดา ยอมรับว่ามีคำพูดที่ว่า “ถ้าไม่มีอิทธิพลจะเป็นผู้แทนได้อย่างไร” แต่คำว่าผู้มีอิทธิพลก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี เช่น กรณีการยิงตำรวจที่บ้านกำนันนก จ.นครปฐม ก็พบว่า สส.บ้านใหญ่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเหล่านี้ อีกทั้งปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัลแล้ว การไปเลี้ยงลูกน้องแล้วเอามาข่มขู่ประชาชนมันไม่ได้แล้ว พร้อมขอให้ผู้มีอิทธิพลเลิกละพฤติกรรมดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะถูกตรวจสอบภาษีแน่นอน เราจะไม่ยอมให้เจ้าพ่ออยู่ในคุกแล้วบริวารสร้างอาณาจักร
“อย่างผมในอดีตก็เคยถูกขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล เคยโดนกลิ้งมาแล้ว เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าประตูคุก แต่ผมก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ตอนนี้ผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลแล้วครับ ผมเป็นรัฐมนตรี ถ้าจะมีอิทธิพลอยู่บ้างก็เป็นด้านดี ทำงานเพื่อสร้างบ้าน สร้างเมือง” นายชาดา กล่าว
นายชาดา หวังว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลสมัยตน จะทำให้ปัญหาเบาบางลง และเป็นการสร้างระบบที่คัดกรองคนดีเข้ามาทำหน้าที่ คัดคนไม่ดีออกไป และจะเป็นระบบที่ยั่งยืน หากตนพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ระบบก็ยังเดินต่อไปได้ เพราะตนมาแล้ว ตนก็ไป พร้อมระบุว่า หลังจากดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเสร็จแล้ว ลำดับถัดไปจะเป็นการจัดแถวเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนพัวพันกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อไป