นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมแผนอพยพคนไทยจากอิสราเอล จ่อเช่าแอร์บัส 340 เพิ่ม หวังพาคนไทยกลับบ้านมากที่สุด รับสถานการณ์ยังไม่ดี เร่งช่วย17ตัวประกัน หวังปลอดภัยทุกคน ย้ำชัด ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งของ2ชาติ
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมแผนอพยพคนไทยจากอิสราเอล จ่อเช่าแอร์บัส 340 เพิ่ม หวังพาคนไทยกลับบ้านมากที่สุด รับสถานการณ์ยังไม่ดี เร่งช่วย17ตัวประกัน หวังปลอดภัยทุกคน ย้ำชัด แรงงานไทยไม่ใช่เป้าหมายของกลุ่มฮามาส ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งของ2ชาติ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการประชุมเพื่อเตรียมการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ที่กระทรวงการต่างประเทศโดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมด้วย
นายเศรษฐา กล่าวเริ่มต้นการประชุมว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาประชุมในวันหยุด เนื่องจากเป็นภารกิจด่วนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นับว่าเป็นความร่วมมือเป็นอย่างดีของหลายหน่วยงาน และขอบคุณกองทัพไทย และสายการบินเอกชน ทั้งสายการบินนกแอร์ สายการบินแอร์เอเชีย สายการบินไทย รวมถึงหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ และความสำคัญของประชาชน
นายเศรษฐา กล่าวถึงผลการประชุม ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4 ราย รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการลำเลียงคนไทยออกมาจากอิสราเอลให้มากที่สุด เพิ่มสายการบินของทหารอากาศและสายการบินพาณิชย์รวม 32 สายการบิน แต่ไม่เพียงพอกับคนไทยที่ต้องการกลับ 7,000 กว่าคน จึงกังวลว่าการลำเลียงคนออกมามีปัญหา เพราะการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดและรุนแรงขึ้น อิสราเอลเตรียมโจมตีทางบกทำให้การลำเลียงคนทางบกและเรือถูกปิด ต้องพึ่งทางอากาศเท่านั้น และเครื่องบินไม่เพียงพอสำหรับการนำคนไทยออกมา จึงกังวลในเรื่องนี้อีกทัังการลำเลียงคนไทยออกมามี 2 ทางคือ บินตรงจากอิสราเอล-กรุงเทพฯ ข้อสอง บินไปดูไบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตัวประกัน 17 ราย ที่ไม่สามารถติดต่อได้นั้น รัฐบาลใช้ทุกช่องทางที่จะติดต่อ ทั้งเรื่องการทูต สำนักข่าวกรองระดับประเทศ การทหาร และช่องทางภาคประชาคมที่มีเครือข่ายในประเทศต่างๆ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ได้พูดคุยทั้งฝ่ายปาเลสไตน์และอิสราเอลที่จะขอให้คนไทยออกมาอย่างปลอดภัยเร็วที่สุด
“ความคืบหน้ายังไม่มีเพิ่มเติม สถานการณ์ยังไม่น่าพอใจ แต่ทุกกระทรวงและกองทัพไทย พยายามหาช่องทางที่จะเพิ่มเที่ยวบินจะต้องเอาคนไทยกลับมาให้ทันสิ้นเดือนนี้”
เมื่อถามว่า ตัวประกันที่โดนจับ 17 คน ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะถูกปล่อยตัวใช่หรือไม่ ว่า ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะปล่อยตัว รองนายกฯ ก็พยายามที่จะพูดคุยกับฝ่ายต่างประเทศ รวมทั้งแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยง ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะมีการใช้เครือข่ายเยอะ รัฐบาลเห็นใจครอบครัวแรงงาน แต่เรายอมรับว่าติดต่อไม่ได้ และยังไม่มีข่าวร้ายออกมา ถือว่ายังมีความหวัง
สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจใช่หรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ยังไม่น่าไว้วางใจ ยังไม่ดี ส่วนอุปสรรคในตอนนี้คือเรื่องนำคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ศูนย์พักพิง และเดินทางไปสนามบิน พร้อมออกเดินทางได้ทันที ข้อที่สอง ในที่ประชุมมีการเสนอให้เช่าเครื่องบินแอร์บัส 340 เพิ่มเติม
เมื่อถามย้ำว่า แรงงานไทยคือเป้าหมายของกลุ่มฮามาสใช่หรือไม่ ไทยจะเพิ่มข้อเรียกร้องอะไรหรือไม่ เพราะมียอดผู้เสียชึวิตเพิ่มขึ้น นายเศรษฐา เผยว่า ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเพราะไทยไม่ใช่ส่วนหนึ่งในความขัดแย้งของสองประเทศ แต่คนไทยเสียชีวิตระดับต้นๆ เพราะมีแรงงานไทยเยอะ ฮามาสไม่ได้เจาะจงที่จะทำร้ายคนไทย
“ไทยไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขัดแย้ง จุดมุ่งหมายของเราต้องนำคนไทยที่เป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าเราไม่ใช่เป้าหมายของกลุ่มฮามาส”
เมื่อถามว่าจะไปรับแรงงานหรือไม่ นายกฯ เผยว่า พรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ตนต้องเดินทางไปต่างประเทศ ขอทำงานเบื้องหลัง มีหลายคนไปรับแล้ว แบ่งไปทำหน้าที่
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้รายงานจำนวนคนไทยที่ได้ผลกระทบในอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 28 ราย ผู้บาดเจ็บ 16 คน และผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน 17 คน