“พิชัย นริพทะพันธุ์” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เรียกร้อง ผบ.ตร.-สตช. เร่งแก้ประวัติอาชญากรรมคนถูกคดีการเมือง ชี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ต้องปกป้องสิทธิของประชาชน และคนรุ่นใหม่ ไม่ให้มีประวัติที่ด่างพร้อย
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขประวัติอาชญกรรมของผู้แสดงความเห็นโดยสุจริตและได้รับผลกระทบทางการเมือง เพื่อไม่ให้มีประวัติที่ด่างพร้อย
“จากการที่ตนเองได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงต้องมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ซึ่งปรากฏว่าตนเองยังคงมีประวัติที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ส่งคนมาฟ้องร้องตนในอดีต ในคดีทฤษฎีกบต้ม คดีนิตยสารไทม์ และ คดีข้อมูลการเสวนา ที่สำนักงานอัยการได้ยกฟ้องทั้งหมดแล้วเพราะคดีไม่มีมูล แต่ประวัติอาชญากรรมกลับยังไม่ถูกลบ” นายพิชัย ระบุ
นายพิชัย ระบุว่า จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ย่ำแย่ เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจในอดีตที่ตนได้เตือนมาตลอด ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำเฉลี่ยตลอด 9 ปีเพียงปีละกว่า 1% เท่านั้น การส่งออกที่ขยายตัวน้อยมากเฉลี่ยปีละกว่า 1% การลงทุนที่หดหาย และ หนี้สินที่พุ่งสูงทั้งหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ภาครัฐ
รวมถึงหนี้เสียในระบบธนาคารและหนี้นอกระบบ ซึ่งเสื่อมถอยเป็นไปตามทฤษฎีกบต้มที่ตนได้เตือนไว้แล้วตามความจริงและด้วยความบริสุทธิ์ใจ รวมถึง เรื่องนิตยสารไทม์และการเสวนาวิชาการด้วย
ทั้งนี้ในขณะที่โดนฟ้องก็เป็นข่าวกระจายมาก เพราะขัดต่อความรู้สึกของประชาชน และเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องก็เป็นข่าวกระจายมากเช่นกัน แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับไม่ได้แก้ไขเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งตนต้องเรียกร้องและแสดงหลักฐานการสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานอัยการสูงสุด
“การที่ตนออกมาทักท้วงนี้เพื่อต้องการปกป้องสิทธิของประชาชนและคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่อาจโดนฟ้องร้องแบบไม่ยุติธรรมเหมือนตนเอง ขนาดตนเอง ยังต้องหาทางติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแก้ไขประวัติอาชญากรรมให้ถูกต้อง แล้วประชาชนและคนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร” นายพิชัย กล่าว
ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งแก้ไขเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะน่าจะมีประชาชนและคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่โดนเหมือนกับตน และอาจจะประสพปัญหาไม่สามารถจะแก้ไขได้ และอาจจะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวไปตลอด ซึ่งจะมีปัญหาในการสมัครงาน และ การเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะต้องได้รับความคุ้มครองและแก้ไขให้ถูกต้อง