“ภูมิธรรม”เผย นายกฯเรียกถกครม.เพื่อไทย เร่งควิกวิน มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ตไม่ทำรัฐบาลล่ม อัดคนวิจารณ์ไม่คิดนอกกรอบ ทำ 30 บาทให้เห็นมาแล้ว ไม่น้อยใจพรรคร่วมไม่เชียร์ เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เผยภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหารือใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ว่า นายกฯแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าอยากให้รัฐมนตรีไปดูนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา อยากเห็นควิกวิน ที่กำหนดว่า 3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วจะแถลงให้สื่อทราบ โดยให้ไปรวบรวมมาคุยกัน แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียด ซึ่งทุกพรรคก็รับนโยบายเหล่านี้ไป นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นายกฯมีภารกิจมาก จึงเรียกคุยเพื่อเป็นโอกาสให้รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกันและเรียกร้องให้รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเข้าพรรค เพื่อประสานงานกับสส.ของพรรคในการรับฟังปัญหา เมื่อถามว่าควิกวินที่ว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลายเรื่องเราทำสำเร็จแล้ว เช่นลดราคาพลังงาน การเดินหน้าจับเนื้อสัตว์เถื่อน หลายกระทรวงมีผลงานออกมาหลายเรื่อง และนายกฯได้ชื่นชมกระทรวงท่องเที่ยวที่มีผลงานออกมาหลายเรื่อง และให้กำลังใจกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน ที่รับงานหนักช่วงนี้ รวมถึงกำชับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดูแลแรงงานที่กลับจากอิสราเอลให้ดูแลอย่างเต็มที่ 

 เมื่อถามว่าทำงานมาหนึ่งเดือนมีการประเมินคะแนนการทำงานของรัฐบาลแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่ายังไม่มีการให้คะแนนตัวเอง คิดแต่เพียงทำอย่างไรให้ดีที่สุดและดีมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่านายกฯวางกรอบเกณฑ์ทำงานของรัฐมนตรีไว้หรือไม่ และจะมีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯไม่ได้เพียงพูดแค่รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่พูดถึงคณะรัฐมนตรีทั้งหมดอยากให้มีผลงานเป็นรูปธรรมมีตัวชี้วัดได้โดยจะกำหนดให้ชัดเจน อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไรถือเป็นภารกิจร่วมกันทั้งหมดอยู่แล้ว และเป็นผลงานร่วมกัน เมื่อถามย้ำว่าผลงานมีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่ายังไม่ได้พูดไปถึงขนาดนั้น 

เมื่อถามว่า มีข้อกังวลเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล ทุกอย่างยังเดินหน้า โครงการนี้ไม่ได้คิดมาลอยๆ เราคิดและเตรียมการมาแล้ว เพียงแต่การรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่นการปรับระยะการใช้เงินในโครงการให้มากกว่า 4 กิโลเมตร เมื่อถามอีกว่าโครงการนี้ยังยืนยันจะเดินหน้าได้วันที่ 1 ก.พ.หรือไม่ เพราะมีข้อท้วงติงเรื่องกฎหมายออกมา เนื่องจากงบประมาณประจำปี 67 ยังไม่ผ่านสภาฯ นายภูมิธรรม ตอบว่า ต้องรอให้คณะอนุกรรมการเรื่องเงินดิจิทัลหารือ คิดทบทวน เปลี่ยนแปลง ปรับควาทเหมาะสมตามที่กฎหมายอนุญาต ขอยืนยันว่าทุกนโยบายที่เราพูดไปเราจะทำให้สำเร็จทุกเรื่อง เมื่อถามอีกว่ามีกระแสวิจารณ์นโยบายดังกล่าวเพิ่มมาเริ่มนับหนึ่งตอนเป็นรัฐบาล เพราะไม่ได้ศึกษามาก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการวิจารณ์ที่อาจไม่เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคิดและดำเนินการ เรื่องนี้เราทำมาก่อนเป็นปี เพียงแต่เราคิดเรื่องใหม่ที่ออกนอกกรอบ ซึ่งต้องดูรายละเอียดให้ครบถ้วน เหมือนที่เราเคยทำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรง กองทุนหมู่บ้าน ที่เราเคยทำได้มาแล้ว แม้จะมีเสียงต่อต้าน อย่างรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตอนนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเราทำได้ แต่บางทีการวิพากษ์วิจารณ์อาจคิดอยู่ในกรอบเดิมหรืออาจไม่เข้าใจของวัตถุประสงค์ของโครงการนี้แต่เราถือว่าเป็นความคิดเห็นที่ติติงเรา เราให้ความสำคัญและพยายามรับฟังและนำมาปรับสิ่งที่เหมาะสมแล้วค่อยๆทำ 

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าเมื่อนโยบายนี้ออกไปจะไม่ทำให้นโยบายนี้ล่มกลางคัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้คุยในที่ประชุม แต่ถ้าถามความมั่นใจก็ต้องบอกว่ามั่นใจ เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ห่วงใยข้อท้วงติง อันไหนรับฟังได้และเป็นประโยชน์ก็นำมาปรับปรุง เมื่อถามอีกว่าที่มาของเงินที่หลายฝ่ายเป็นห่วงจะนำมาจากไหน หรือจะออกเป็น พ.ร.ก. และสามารถบอกได้หรือไม่รัฐบาลมีหน้าตักอยู่เท่าไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรออนุกรรมการพิจารณานำเสนอ ขอให้รอทุกอย่างชัดเจนแล้วจะแถลงทีเดียว เมื่อถามย้ำว่าสามารถพูดได้เลยหรือไม่ว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหา นายภูมิธรรมตอบว่าไม่น่ามีปัญหา ตนคิดว่าโครงการนี้เดินได้ แต่วิธีการจัดการเป็นเรื่องรายละเอียด เราต้องใช้ความเข้าใจในการมองและวิธีการต่างๆเพื่อให้โครงการเกิดขึ้น 

 เมื่อถามอีกว่าพรรคเพื่อไทยน้อยใจหรือไม่ที่พรรคร่วมไม่ออกแรงสนับสนุนเรื่องนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ต้องมีอะไรน้อยใจเพราะทุกคนช่วยกันผลักดันอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นบทบาทหลักของพรรคเพื่อไทย เราคิดและวางไว้ทั้งหมดแล้วรอให้ทุกอย่างออกมาชัดเจน และคณะรัฐมนตรีก็รับเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลและรับเป็นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ทุกอย่างจะผลักดันด้วยกันไม่มีอะไรน่าน้อยใจ