"นิกร" เผย อนุกรรมการยังไม่เคาะทำประชามติกี่ครั้ง รอประชุมครั้งหน้า ส่วนอนุกก.รับฟังความเห็น เตรียมเดินสายพบทุกภาคส่วน คุยกมธ.การเมือง สว. 30 ต.ค. กมธ.การเมือง สส.2 พ.ย. ส่วน “ก้าวไกล” 14 พ.ย. หวัง ท
นายนิกร จำนง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เปิดเผยว่า วันเดียวกันมีการประชุมคณะอนุกรรมการ 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ และ คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ ฯ ที่มีตนเป็นประธาน โดยในส่วนที่ประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง เนื่องจากมีความเห็นเป็น 2 ทาง ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าให้ทำ 2 ครั้ง อีกฝ่ายเห็นว่าให้ทำ 3 ครั้ง ไม่เช่นนั้นจะอันตราย เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างนั้น ดังนั้น จึงต้องมีการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ในครั้งหน้า โดยจะรอฟังความเห็นจากคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติฯ ก่อน ที่จะต้องไปรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองจากทั้ง 2 สภา
นายนิกร กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ยังได้พิจารณาในเรื่องหมวด 1 และ 2 ว่าการเว้นหมวด 1 และหมวด 2 จะถือเป็นการไม่แก้ทั้งฉบับหรือไม่ เพราะถ้าแก้ทั้งฉบับจะต้องรวมหมวด 1 และ 2 ด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งเห็นว่าการไม่แก้หมวด 1 และ 2 แต่ไปแก้เยอะ จะทำให้เหมือนว่าเราไปแก้หลักการ ซึ่งถ้าแก้หลักการและไม่แก้หมวด 1 และ 2 มาตรามันก็จะเคลื่อน ก็ถือเป็นการแก้ทั้งฉบับ ดังนั้น คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ จึงมีมติว่าจะมีการประชุมครั้งหน้า ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 09.30 น. นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาในเรื่องของค่าใช้จ่ายว่าจะต้องใช้เท่าไหร่ ซึ่งจะมีการเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจงว่า จะใช้เวลาเท่าไหร่ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ รวมถึงจะรับฟังความเห็นที่ได้ไปฟังมาจากทั้ง 2 สภามาด้วยว่ามีความเห็นอย่างไร
นายนิกร กล่าวว่า ขณะที่คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติฯ จะไปรับฟังความเห็นจาก กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.เป็นประธาน ในวันที่ 30 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา จากนั้นวันที่ 2 พ.ย. จะไปรับฟังความเห็น กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นประธาน เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา โดยจะไปหารือเพื่อให้ช่วยคิดคำถาม ขณะที่วันที่ 10 พ.ย. จะไปรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษาจาก ม.ธรรมศาสตร์ ม.จุฬาลงกรณ์ ม.รามคำแหง ม.มหิดล มหาวิทยาลัยราชภัฎ สภาเด็กและเยาวชน ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ กลุ่มคนพิการ สื่อมวลชน ผู้แทนสลัม 4 ภาค สหภาพแรงงาน กลุ่มไอลอว์ สมาคมสันนิบาตแห่งประเทศ จากนั้นวันที่ 14 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะไปรับฟังความเห็นหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคก้าวไกล ที่พรรคก้าวไกล นอกจากนี้ จะมีการออกไปฟังทั้ง 4 ภูมิภาคด้วย โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา รวมถึงยังมีช่องทางการรับฟังความคิดเห็น ของประชาชนทางออนไลน์ ผ่านทาง E-mail ของสำนักกฎหมายและระเบียบการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะกำหนดเป็นอีเมลเฉพาะ, ช่องทาง OPM e-Form ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, ระบบกลางทางกฎหมาย และทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
นายนิกร กล่าวว่า สำหรับกรอบการทำงานของคณะอนุกรรมการฯ 2 ชุด จะพยายามทำงานให้เสร็จภายในสัปดาห์ที่ 2 หรืออย่างช้าสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ธ.ค. เพื่อจะสรุปความเห็น จากนั้นต้นปี 67 จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง ครม.จะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ หาก ครม.เห็นด้วย ก็จะนำไปสู่การออกเป็นคำถาม และเมื่อเป็นคำถามแล้วจะต้องทำประชามติให้เสร็จไม่น้อยกว่า 90 วัน และไม่เกิน 120 วัน
เมื่อถามว่า จะได้เข้าคูหาไปออกเสียงประชามติช่วงไหน นายนิกร กล่าวว่า ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ กำหนดไว้คือ ไตรมาสแรกของปี 67