รังสิมันต์ โรม ยกคณะ กมธ.ความมั่นคง สักการะ ร.5 ก่อนถก "รมว.กลาโหม" ถามเกณฑ์ทหาร-เปลี่ยนเรือดำน้ำ
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะ เดินทางมาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน เพื่อเข้าพบนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อมาถึง นายรังสิมันต์ ได้นำคณะ ไหว้สักการะ หอพระ พระพุทธไตรเสนากลาโหมพิทักษ์ ก่อนที่จะสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในแนวทางของคณะกรรมาธิการความมั่นคง ซึ่งที่ผ่านมา เราเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของเรา เช่น กระทรวงยุติธรรม วันนี้มีประเด็นหลายเรื่องที่จะมาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชายแดนเมียนมา ที่มีปัญหาเรื่องของการค้ามนุษย์
รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ ที่กำลังมีเรื่องของเรือดำน้ำที่จะเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น การเกณฑ์ทหาร โดยเราไม่ได้จำกัดว่าคำถามจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เราอยากจะเข้าใจกองทัพมากขึ้น ซึ่งมองว่าหากเรามีความเข้าใจ จะได้สื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจ ถึงทิศทางความมั่นคงของประเทศว่าเป็นเช่นใด และอยากที่จะมาสนับสนุน งานของกระทรวงกลาโหม ให้ปฎิบัติภารกิจอย่างมีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าวันนี้เราจะมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน และช่วยกันทำงาน เพื่อแก้ปัญหาในอนาคตข้างหน้า หากมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น ก็จะใช้วิธีการโทรหา โดยไม่จำเป็นต้องไปที่สภา เพราะค่อนข้างที่จะหาเวลาตรงกันยาก ยกหูหากันได้เลยจะได้แก้ปัญหาได้ทันการณ์ ไม่ต้องมาทำหนังสือเชิญ หลายขั้นตอน โดยเฉพาะปัญหาชายแดน ถือเป็นปัญหาที่ท้าทาย เรื่องของความมั่นคงประเทศเรามาก ก็จะใช้โอกาสนี้เรียนรู้ร่วมกัน ทำความรู้จัก และสนับสนุนการทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่ามีเรื่องเรือดำน้ำ จะมาทวงถามตามที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้สอบถามนายสุทิน ไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ว่า คงไม่ได้มาถามแทนใคร แต่คณะกรรมาธิการจากหลายพรรค ไม่ได้จำกัดคำถาม และเชื่อว่าต้องมีเรื่องของเรือดำน้ำ ซึ่งเราก็ต้องให้โอกาสกระทรวงกลาโหมชี้แจง รวมถึงวิธีคิด เพราะจากเดิมที่เป็นเรือดำน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นฟริเกต คงต้องสะท้อนถึงวิธีคิด และมุมมองด้านความมั่นคงว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวในฐานะประธาน กมธ.ฯ สนใจในเรื่องมุมมองด้านความมั่นคง ที่บอกว่าต้องมีเรือดำน้ำ โจทย์ของเราคืออะไร และวันนี้มาบอกว่าประเทศไทยไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว แสดงว่าโจทย์เปลี่ยนไปหรือไม่
นอกจากนี้ตนยังอยากทราบเรื่องของการเกณท์ทหาร ว่าสถานะการเกณฑ์ทหารอนาคต จะเป็นอย่างไร ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะได้ร่วมพูดคุย
“การมาวันนี้ อย่าเรียกว่ามาตรวจสอบ แต่ให้มองว่าเป็นการมาแนะนำตัว และทำงานร่วมกัน เราคาดหวังให้มีการทำงานที่สร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ที่ระบุว่ามีข้อมูลจะประสานหน่วยงานความมั่นคง จะหยิบยกมาหารือหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่า ต้องยอมรับ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ พบที่ชายแดนฝั่งเมียนมา ตนได้ทำข้อมูลเรื่องดังกล่าวมาพอสมควร เช่นฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด มีปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และทุนสีเทา หรือที่อำเภอแม่สาย พบปัญหาการค้ามนุษย์ คงจะได้หาหรือว่าจะมีหนทางในการแก้ไขอย่างไร เพราะ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพทั้งสิ้น เราคาดหวังว่าจะสามารถช่วยกันทำงานได้ เพื่อช่วยคนไทย ให้หลุดพ้นจากการหลอกลวง
เมื่อถามว่า มีเรื่อง ปฏิบัติการ IO ของกองทัพหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้ามีเวลาก็จะพูดคุย วันนี้จะพยายามพูดให้ครบทุกประเด็น เชื่อว่าจะมีการตั้งคำถามแน่นอน
ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม. โฆษก กมธ.กล่าวว่า วันนี้ กมธ. มาพูดคุยเรื่องกิจการชายแดน งานความมั่นคงด้านยาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมถึงความห่วงใยแรงงานไทยไปทำงานที่ทำงานต่างประเทศทั้งเกาหลีใต้ และอิสราเอล
เชื่อว่าประธานคณะกรรมาธิการ อย่างนายรังสิมันต์โรม จะมีคำถามที่เตรียมไว้เช่นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการจัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์ รวมถึงประเด็นปัญหาการจัดหาเรือดำน้ำ และ IO กองทัพ กอ.รมน.