"สมศักดิ์" เชื่อ "ยุบพรรคติดเทอร์โบ" กระทบทุกพรรค แนะทำประชาพิจารณ์ก่อน ยอมรับเป็นสิ่งกลัวที่สุด
ตามที่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ประกาศใช้่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่นมา ซึ่งจะทำให้กระบวนการสอบสวนการยุบพรรคเร็วขึ้นนั้น หลายพรรคมีความกังวลอาจถูกร้องทำผิดกม. และนำมาสู่การยุบพรรค
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า กกต. มีสิทธิ์ที่จะออกประกาศได้ และสามารถนำกฎหมายฉบับดังกล่าวไปใช้ได้ จากเดิมที่อาจจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่านี้ อาจเป็น 3 ปี 7 ปี แต่มาใช้ระยะเวลาตรวจสอบที่รวดเร็วขึ้น อาจใช้เวลา 3 เดือน 7 เดือน ก็อาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองที่มีคดีความอยู่ จะได้รับผลกระทบ
ส่วนผลกระทบจากระเบียบดังกล่าว จะส่งผลถึงการยุบพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงต้องไปถามฝ่ายกฎหมาย อย่างไรก็ดี หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะมีเหตุที่อาจจะทำให้ถูกยุบพรรคได้ โดยในอดีตที่ผ่านมา เคยเจอเหตุการณ์พรรคถูกสั่งยุบมาแล้ว 2 ครั้ง คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคมัชฌิมา
เมื่อวันที่ 16 กพ.ที่ผ่านมา ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ.2566 ซึ่งเป็นระเบียบใหม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งล้อมาจาก พระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 ได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566
กกต.ชี้แจงว่า พระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ศาล องค์กรอัยการ และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบได้ว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งตรวจสอบความคืบหน้าได้โดยผ่านช่องทางที่หลากหลาย
แต่ทั้งนี้ จะกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการอำนวยความยุติธรรม หรือการดำเนินงานโดยสุจริตของบุคคลใดไม่ได้ไม่ว่าทางใด ขอยืนยันว่า กกต.และสำนักงาน กกต.ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว โดยยึดหลักสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมายเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ.2566 โดยระบุว่า การแก้ระเบียบใหม่ของ กกต.ต่อจากนี้ จะยุบพรรคแบบติดเทอร์โบ