"4th Wall" ค็อกเทลบาร์น้องใหม่ในเครือ Vesper ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักคลาสสิกค็อกเทลอีกครั้ง โดยเมนูจะเปลี่ยนตลอดไม่ซ้ำในแต่ละวัน
Vesper (เวสเปอร์) เจ้าของรางวัล ASIA'S 50 BEST BARS ปี 2016-2023 และด็อกเทลบาร์แถวหน้าของกรุงเทพฯ ที่เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2014 มีความยินดีที่จะนำเสนอบาร์น้องใหม่ในเครืออย่าง "4th Wall" ค็อกเทลบาร์ย่านหลังสวนสุดเท่ที่มาพร้อมกับการบริการแบบเป็นกันเองอันเป็นเอกลักษณ์ของทีม Vesper โดย "4th Wall" โดดเด่นด้วยการมอบประสบการณ์แสนพิเศษที่เน้นเสิร์ฟค็อกเทลสไตล์คลาสสิก (classic cocktails) โดยเมนูจะเปลี่ยนตลอดไม่ซ้ำในแต่ละวัน
"4th WalI" คือคำศัพท์ในวงการภาพยนตร์ หมายถึงกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งกั้นกลางระหว่างนักแสดงและผู้ชม โดยเมื่อกำแพงนั้นถูกทำลายลง ก็จะเกิดบรรยากาศที่แสนใกลัชิด และกระตุ้นทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับการแสดงมากขึ้น โดยนอกจากที่ "4th Wall" จะเน้นเสิร์ฟคลาสสิกค็อกเทลในแบบที่ถูกต้องและดั้งเดิมแล้ว ทีมบาร์เทนเดอร์ยังคงเน้นการบริการในสไตล์ของ Vesper (Bar Team of the Year 2023 จากเวที BKK BAR SHOW) ที่ทั้งเป็นมิตรและน่าประทับใจ ประหนึ่งไม่มีกำแพงกั้นระหว่างบาร์เทนเดอร์ และผู้ที่หลงใหลในการดื่มด็อกเทลที่แวะเวียนมาเอนจอยเครื่องดื่มแก้วโปรดในแต่ละวัน
"4th Wall" ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของ Tom Hearn (ทอม เฮิร์น) Group Bar Manager ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Vesper ที่ยังคงดูแลบาร์ทั้งสองที่ เสริมทัพด้วย 'แมค' สหรัฐ แก้วคง เจ้าของแชมป์ Diageo World Class Thailand 2022 และอดีต Head Bartender ของ Vesper ที่ขึ้นมารับตำแหน่ง Bar Manager ที่บาร์แห่งใหม่นี้ โดยแมคและทีมบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์พร้อมส่งมอบประสบการณ์แสนพิเศษผ่านคลาสสิกด็อกเทลทั้งเครื่องดื่มที่ยอดนิยม และเครื่องดื่มที่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยมากนัก เช่น Corpse Reviver No. 2 (Gin / French vermouth / Lemon / Triple Sec), Adonis (Amontillado sherry / Manzanilla sherry / Sweet vermouth) และ Pina Colada (Dark Rum / Fresh pineapple / Lime / Coconut cream)
นอกจากนี้ เมนูค็อกเทลของ "4th Wall" จะมีการอัปเดตในทุก ๆวัน ทำให้นักดื่มสามารถแวะเวียนมาลองจิบคลาสสิกค็อกเทลแก้วใหม่ได้อยู่เสมอ และทีมบาร์เทนเดอร์ยังมีความยินดีนำเสนอเมนู house made อย่าง Irish coffee และ Slushy
cocktails ที่จะยืนพื้นอยู่ในเมนูนอกเหนือจากคลาสสิกค็อกเทลอีกด้วย "4th Wall" ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Luxx Langsuan ซึ่งได้ทีมออกแบบชั้นนำอย่าง Taste Space ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารชื่อดังอย่าง Nusara และ เODE มาช่วยดีไซน์บาร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยเน้นการนำเสนอบรรยากาศแบบเรโทรฟิวเจอร์ (retrofuturism) ผ่านเลนส์ของภาพยนต์ยุโรปยุค 1960s เป็นการผสมผสานระหว่างความฉูดฉาดสดใส และดีไซน์ขี้เล่นในแบบยุค 1960s กล่าวได้ว่า "4th Wal!" คือส่วนผสมอันกลมกล่อมของ 'neighbourhood bar' และ 'retrofuturism' ที่พร้อมต้อนรับนักดื่มทุกท่านตั้งแต่วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป