นับตั้งแต่บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA GROUP ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “BuddyThai” แพลตฟอร์มช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่โดนกลั่นแกล้งรังแก (Bully) ทั้งในโรงเรียนและในโลกออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ก็นับเป็นเวลากว่า 1 ปีครึ่งแล้ว ที่แอปพลิเคชั่น BuddyThai ได้ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชนไทย รวมถึงยังมีส่วนร่วมในการเป็นพื้นที่ปลอดภัยด้านสุขภาพจิต ด้วยการให้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง
จุดเริ่มต้นของแอปพลิเคชั่น BuddyThai นี้เกิดจากความตั้งใจของ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA ที่เล็งเห็นถึงปัญหาการกลั่นแกล้งรังแกทั้งทางร่างกายและทางจิตใจในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งนับเป็นปัญหาที่อยู่ในสังคมไทยมาเนิ่นนาน
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า “ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่ง หรืออยากจะเป็นคนเริ่มอะไรบางอย่างที่ลดปัญหาเรื่องการบูลลี่ลง จึงอยากทำแอปพลิเคชั่นหนึ่งที่เด็กๆ สามารถมาคุยด้วยได้ หรือกดปุ่มเพื่อบอกว่าตัวเองมีปัญหาอะไรได้ เพื่อให้ผู้ใหญ่ที่ได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ทันที”
ด้วยเหตุนี้ TTA จึงจับมือร่วมกับกรมสุขภาพจิตเพื่อมุ่งพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่จะสามารถเป็น “เพื่อน” คนหนึ่งให้แก่เด็กๆ เป็นที่ปรึกษาที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ นอกจากแอปพลิเคชั่นนี้จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ ยังช่วยเด็กและเยาวชนที่ใช้แอพพลิเคชั่น ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีทักษะในการรับมือสถานการณ์การรังแกในรูปแบบต่างๆ อย่างถูกต้อง มีความเข้าใจอารมณ์ตัวเองและผู้อื่นมากขึ้นผ่านฟีเจอร์แบบประเมิน เด็กๆ ยังสามารถเรียนรู้ทักษะชีวิต ทักษะการแก้ปัญหา และการจัดการอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม จากฟีเจอร์ Mood-tracking ซึ่งสามารถบันทึกอารมณ์ในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา และดูข้อมูลบันทึกอารมณ์ย้อนหลังได้ด้วย
และหากเด็กและเยาวชนคนใดต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอย่างเร่งด่วน ก็สามารถเข้าถึงบริการและรับความช่วยเหลือผ่านฟีเจอร์ SOS เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินไปยังหน่วยงานด้านสุขภาพจิต เช่น
- Hot line ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- Hot line สุขภาพจิต 1323 กรมสุขภาพจิต
- Lova Care Station
- เพจ Because We Care โดยศูนย์พึ่งได้ โรงพยาบาลตำรวจ (OSCC)
- ช่องทาง Warm Line สำหรับฝากข้อความ
นางสาวหริสวรรณ ศิริวงศ์ (พีเจ) กรรมการบริหารแอปพลิเคชั่น BuddyThai ได้เปิดเผยข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับ BuddyThai ว่า ณ ตอนนี้ (มี.ค. 67) แอปพลิเคชั่นมียอด Download มากกว่า 5,000 ครั้ง และมี user กด SOS เพื่อขอความช่วยเหลือกว่า 1,200 ครั้ง โดยหากพิจารณาจากข้อมูล Mood Tracking แล้ว พบว่ามี user กดบันทึกอารมณ์เศร้าและเครียด มากกว่า 10,000 ครั้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กและเยาวชนไทยอยู่ในสภาพสังคมที่กดดัน และมีแนวโน้มนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตมากแค่ไหน
ตลอดปี 2566 และต้นปี 2567 BuddyThai ได้ลงพื้นที่ทำกิจกรรม School Tour ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คือการร่วมกันปลูกจิตสำนึกและรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนตระหนักรู้เรื่องพฤติกรรมการกลั่นแกล้งรังแก (Bully) การรู้เท่าทันอารมณ์ และการป้องกันการกระทำความรุนแรงในทุกมิติ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจตนเองในด้านอารมณ์และสุขภาพจิต รวมถึงรู้จักช่องทางการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์การถูกกลั่นแกล้งรังแก (Bully) และสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งาน ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชัน “BuddyThai”
จากการจัดกิจกรรม School tour และได้มีการพูดคุยกับเด็กและเยาวชน ที่กำลังเติบโตอยู่สังคมยุคปัจจุบัน พบว่าน้องๆ หลายๆคนรู้สึกดีที่มีหน่วยงาน หรือผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิตในเด็ก และไม่มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะปัญหาที่เจอ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กที่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากพอในการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นได้เพียงลำพัง การที่มีผู้ใหญ่เข้ามาให้ความสนใจในประเด็นปัญหาตรงนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความพยายามในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาอย่างถูกวิธี
ในส่วนแอปพลิเคชั่น ถือได้ว่าตอบโจทย์สำหรับสังคมยุคใหม่ที่เป็นโลกของเทคโนโลยีและดิจิตอล ที่สามารถรวบรวมช่องทางในการแจ้งเหตุ ส่งเรื่องขอคำปรึกษาได้ถูกต้องและตรงจุด เพราะในบางครั้งก็เกิดความสับสนขึ้นในหมู่คนใช้บริการว่าหากมีปัญหาเรื่องต่างๆ ควรปรึกษาใครได้บ้าง อีกทั้งฟีลเจอร์ยังสอดคล้องกับความต้องการของเด็กและเยาวชน ทำให้เรียนรู้และเข้าใจตนเอง โดยอาศัยวิธีหลากหลายรูปแบบ มีทั้ง Mood Tracking และสถานการณ์สมมุติ
ในฝั่งของคุณครู สะท้อนว่าเด็กและเยาวชนประสบปัญหาด้านสุขภาพจิต มีความเครียดความกังวล และความกดดันในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และคิดทำร้ายตัวเอง นับวันปัญหาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และตรวจพบได้ในเด็กที่มีค่าเฉลี่ยอายุที่น้อยลง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอง เช่น กรมสุขภาพจิต และกรุงเทพมหานครเองก็เล็งเห็นถึงปัญหาและให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
นอกจากทีมหมอและผู้เชี่ยวชาญจากกรมสุขภาพจิตที่เป็นผู้พัฒนาเนื้อหาในแอปพลิเคชั่นแล้ว ยังมีทีมงานที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลและต่อยอดแอป ได้แก่ นางสาวขวัญเนตร สีดาจิตร์ (ขนม) ผู้ประสานงานโครงการ และที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโครงการ Buddy Thai Application นางสาวปณิดา มณีธวัช (ไอซ์) ผู้ประสานงานโครงการ Buddy Thai Application นางสาวกนกวรรณ พงษ์พิพัฒน์ (วาวา) ผู้ช่วยโครงการ Buddy Thai Application
มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า เด็กและเยาวชนในปัจจุบันควรที่จะสร้าง Self - Awareness เพื่อให้เข้าใจตนเองและตระหนักรู้ถึงปัญหาสุขภาพจิตได้มากยิ่งขึ้น เมื่อเด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกัน ควบคู่ไปกับการมีพื้นที่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาคนและสังคมต่อไปในอนาคต
สำหรับแพลนในอนาคต เรามุ่งมั่นที่จะขยายแผนการทำงานร่วมกับโรงเรียน คุณครู และผู้ปกครอง เพื่อให้ช่วยกันดูแล ให้ความช่วยเหลือ และสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชนที่กำลังจะเติบโตขึ้นในอนาคต และเพื่อให้ BUDDY ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของทุกคนได้อย่างแท้จริง
เยี่ยมชมเว็ปไซต์: https://www.buddy4thai.com/
ช่องทางดาวน์โหลด: แอปพลิเคชั่น BuddyThai ทั้งใน IOS และ Android