"ปฏิรูปสถาบัน-แก้112" ปมขัดแย้ง "พิธา-ปิยบุตร"

ศึกใน"ก้าวไกล"คราวนี้คงจบยากและอาจส่งผลต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่งานนี้ "เพื่อไทย"ปรับเป้าแลนด์สไลด์310+เสียงขึ้นไปขอตั้งรัฐบาลพรรคเดียวล่วงหน้าไปแล้ว

ประเด็นปมขัดแย้งระหว่าง"ปิยบุตร แสงกนกกุล" อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กับ "พิธา ลิ้มแสงเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้ "ปิยบุตร"จะเป็นคนนอกพรรคก้าวไกลตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว "ปิยบุตร"ยังมีบารมีอยู่ในพรรคก้าวไกลพอสมควร เนื่องจากเป็นเพื่อนรัก"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"ที่ได้ร่วมกันก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กันมาจนกระทั่งถูกยุบแล้วกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน

ทั้งนี้ต้นสายปลายเหตุความขัดแย้งระหว่าง "ปิยบุตร"กับ "พิธา" มาจากเรื่องจุดยืนเรืองการปฏิรูปสถาบัน โดยเฉพาะกฎหมายอาญา112 ที่ "ปิยบุตร"ต้องการให้ พรรคก้าวไกล โดย"พิธา"หัวหน้าพรรคขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยเสนอให้ ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมกับยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ทั้งระบบตั้งแต่ประมุขของรัฐต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ศาล เจ้าพนักงาน บุคคลทั่วไป ให้เป็นเรื่องละเมิดที่ผู้เสียหายไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง

ขณะที่จุดยืนของ"พิธา"นั้นได้เรียกร้องให้มีการแก้ไข ม.112 เช่นกัน แต่ไม่ถึงกับเรียกร้องให้ยกเลิก เป็นการแก้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง และมีความสมดุลกันระหว่างการคุ้มครองประมุขของรัฐกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยท่าทีของ "พิธา"ดูเสมือนปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่เร่งเร้า เหมือนจะลดดีกรีข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันลงเพื่อลดแรงต่อต้านลง ซึ่งสวนทางกับ "ปิยบุตร"สายบู๊ต้องการให้เดินหน้าเร่งปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

ประเด็นดังกล่าวข้างต้นทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเกาเหลากันในทางความคิดเรื่อยมา และที่สำคัญ "พิธา"ต้องการแสดงความเป็นภาวะผู้นำมากกว่าผู้ตามคือต้องการปลดล็อคเรื่องการครอบงำจาก "ปิยบุตร และธนาธร"เจ้าของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ท่ามกลางข่าวลือออกมาเป็นระยะๆว่าจะมีการเปลี่ยนตัว "พิธา"มาเป็น "ไอติม"พริษฐ์ วัชรสินธุ 

ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ"ปิยบุตร"ได้เขียนบทความเสนอแนะเชิงวิจารณ์ผ่านเพจตัวเองเรื่อง “แลนด์สไลด์” ที่พรรคก้าวไกลแก้ไม่ออก โดยเนื้อหา ระบุว่า  พรรคก้าวไกลก็ต้องคิดแก้ปมปัญหา “แลนด์สไลด์” ให้ได้ 1.ทำให้คนจำนวนมากเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสชนะในเขตเลือกตั้งสูง ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะเข้าที่ 1 ไม่ใช่เข้าที่ 2 หรือที่ 3 หากทำให้คนจำนวนมากเชื่อได้ คนก็จะมาเลือก เพราะ คะแนนนี้ไม่ทิ้งน้ำ ไม่เปล่าประโยชน์ แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลชนะ ส.ส.เขต 

2. ขีดเส้นแบ่งใหม่ ไม่ใช่ “ฝ่าย non ประยุทธ์” vs “ฝ่ายประยุทธ์” ไม่ใช่ “ฝ่ายประชาธิปไตย” vs “ฝ่ายเผด็จการ” แบบเดิมๆแต่เป็นการสู้กันระหว่าง “พลังเก่า” vs “พลังใหม่” และพรรคก้าวไกล คือ ตัวแทนของพลังใหม่ 
สร้างความแตกต่างของตนเองออกจากทุกพรรค ทุกขั้ว พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเทคะแนนให้พลังใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง  ห้คนจำนวนมากตระหนักว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ความใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ในอนาคต มิใช่วนเวียนอยู่ กับเรื่องเอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ เอาประยุทธ์ ไม่เอาประยุทธ์ วนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆที่ล้อมสังคมไทย กักขังสังคมไทยไว้ตั้งแต่ 49 ไม่ให้ไปไหน

หากเลือกเส้นทางนี้ การทำแคมเปญ กำหนดยุทธวิธี การคิดคำ ประดิษฐ์คำ ทำม็อตโต้ ชูคำขวัญ ให้เดินตามสองข้อข้างต้น คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของคณะทำงาน  แต่การเมือง อยู่ที่ความเชื่อ ผู้คนจำนวนมากต้องเชื่อก่อนว่าจริง เราทำได้จริง ต่อให้คิดค้นแคมเปญได้ดีเลิศขนาดไหน แต่ถ้าคนไม่เชื่อ แคมเปญนั้นก็เป็นเพียงบันทึกเก็บไว้ใน portfolio 

ปัญหาจึงมีอยู่ว่า…ผู้นำพรรคก้าวไกลมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะชนะในเขตเลือกตั้ง ได้หรือไม่? มีความสามารถเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อโดยพร้อมเพรียงกันว่า ต้องมีพรรคก้าวไกลเป็นตัวแทนของพลังใหม่ในการเปลี่ยนประเทศตั้งแต่รอบนี้ ได้หรือไม่? เหลือเวลาอีกสามเดือน !!!

ผลจากบทความ"แลนด์สไลด์ ดังกล่าว "พิธา"ควันออกหูเหมือนถูกปรามาสไร้ความสามารถในการนำพาพรรคก้าวไกล จึงได้เขียนตอบโต้ "ปิยบุตร"ผ่านเฟซบุ๊กตัวเอง โดยบางช่วงบางตอนระบุว่า ในขณะที่องคาพยพพรรคก้าวไกลกำลัง “เข็นครกขึ้นภูเขา” สู้กับอำนาจรัฐ อำนาจทุน ด้วยทรัพยากรจำกัด เราค่อยๆ วางแผนทีละเขตๆ ที่มีโอกาสชนะอย่างละเอียด อาสาสมัครกำลังหาสมาชิกเพิ่มให้ ทีมจังหวัดเราเตรียมจัดงานแต่ตี 5 ทำพื้นที่ล่วงหน้า จัดเวที ทุกคนเดินทางไปหลายร้อยกิโล เพื่อที่จะไปสื่อสารวิถีก้าวไกล ที่ละเขต ที่ละจังหวัด ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด เพื่อน ส.ส เตรียมอภิปราย 152 จนโดนคดีเป็นร้อยล้าน ในขณะที่พวกเรากำลังทำแบบนี้ คุณปิยบุตรปล่อยเขื่อนออกมาที่ละโพสต์ๆ ให้น้ำไหลออก ซัดครกที่พวกเราเข็นอย่างเหน็ดเหนื่อย ไล่ลงมากองใหม่ จนบางทีเราลืมไปแล้วว่าศัตรูตัวจริงคือใครของเรา เรากำลังสู้กับใคร เพื่ออะไร

"พิธา"ยังได้เรียกร้องให้ "ปิยบุตร" ต้อง “เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” เลิกทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ เพื่อให้ตนเองและสมาชิกพรรคมีสมาธิในการทำงานโค้งสุดท้ายหรือ ปล่อยให้เราเสียสมาธิจนเราลืมไปว่าศัตรูตัวจริงของเราคือใคร ทิ้งโอกาสในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทิ้งหยาดเหงื่อแรงงานของสมาชิกพรรค ทีมงานพรรค และปล่อยให้ 3 ป. ยังสืบทอดอำนาจต่อไป ผมไม่แน่ใจว่า คุณปิยบุตร จะทำแบบนี้ไปอีกเท่าไร ผมว่าพอได้แล้วครับ แล้วมาเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะต่างคนต่างทำก็ตาม

เจอเข้าแบบนี้  "ปิยบุตร"โพสโต้กลับทันควัน ว่า "พิธา"พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น พร้อมย้อนกลับใครกันแน่ “จับเสือมือเปล่า” ก่อนที่จะทิ้งท้ายว่า ผมรักเพื่อนของผมที่ร่วมก่อตั้งพรรคกันมา แต่ด้วยความรักพรรคก้าวไกลเช่นนี้ เห็นพฤติกรรมของ “คุณพิธา” แบบนี้ ผมคงปล่อยผ่านไม่ได้ครับ มิเช่นนั้น ผมจะทำบาปต่อพรรคก้าวไกลและประเทศชาติ ถ้าคิดถึงความถูกต้องและการต่อสู้ระยะยาว พรรคก้าวไกล และเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเป็นวุ้น ปล่อย “คุณพิธา” แบบนี้ต่อไปไม่ได้ครับ

เมื่อจับอาการความรู้สึกของทั้งคู่แล้วเป็นการเขียนที่กลั่นออกมาจากใจ ศึกใน"ก้าวไกล"คราวนี้คงจบยากและอาจส่งผลต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่งานนี้ "เพื่อไทย"ปรับเป้าแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเสียง310+ ไปแล้ว

TAGS: #ก้าวไกล #พิธา #ลิ้มเจริญรัตน์ #ปิยบุตร #แสงกนกกุล #ม.112 #การเมือง