รู้จัก “ESG” แนวทางตอบโจทย์ธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน

รู้จัก “ESG” แนวทางตอบโจทย์ธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน
‘พาณิชย์’ติดตามเทรนด์ธุรกิจ ESG  ไม่หวังผลกำไรอย่างเดียว คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล สร้างผลตอบแทนที่ดีระยะยาว

นายพูนพงษ์  นัยนาภากรณ์  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ โดยเห็นว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG จะเป็นบรรทัดฐานการทำธุรกิจในอนาคต ซึ่งหมายความว่าการทำธุรกิจ

จะไม่ได้หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม(Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล(Governance) ด้วยสหภาพยุโรป (EU) เป็นตัวอย่างของต่างประเทศ ที่มีมาตรการเข้มข้นเพื่อส่งเสริมและผลักดันภาคธุรกิจให้ดำเนินการตามแนวทาง ESG โดยในปี 2563 EU ได้ออกกฎหมายการจัดหมวดหมู่ธุรกิจสีเขียว (EU Taxonomy) และมีการออกกฎหมายอื่น ๆ ตามมา อาทิ กฎหมายการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน (Corporate Sustainability Reporting Directive: CSRD) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 กฎหมาย CSRD กำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทจดทะเบียน (Listed Company) ต้องเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทจะส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้นักลงทุนหรือผู้มีส่วนได้เสียมีข้อมูลในการประเมินผลงานของบริษัทในด้านความยั่งยืน โดยข้อมูลที่ต้องเปิดเผยเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านต่าง ๆ ของบริษัท เช่น สิ่งแวดล้อม สังคม การปฏิบัติต่อพนักงาน การต่อต้านทุจริต และความหลากหลายของคณะกรรรมการบริษัท

 

นอกจากนี้ EU อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายการสอบทานธุรกิจด้านความยั่งยืน (The Corporate Sustainability Due Diligence Directive: CSDDD) โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 รัฐสภายุโรปเห็นชอบร่างกฎหมาย CSDDD ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้บริษัททั้งสัญชาติ EU หรือบริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจใน EU ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ต้องสอบทาน (Due Diligence) กิจกรรมของตนเองและของซัพพลายเออร์

 

ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม ในการสอบทานมีสิ่งที่ต้องดำเนินการ อาทิ จัดทำนโยบาย Due Diligence จัดทำจรรยาบรรณธุรกิจบ่งชี้ถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน

และสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมของบริษัท และมีแนวทางป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ตลอดจนให้เผยแพร่รายงานการดำเนินการตามกฎหมาย CSDDD บนเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คาดว่ากฎหมาย CSDDD จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2567

 

ทั้งนี้ ESG เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะมีความสำคัญมากขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งประเทศไทยตื่นตัวและเล็งเห็นถึงความจำเป็นของภาคธุรกิจที่ต้องปรับตัวสู่แนวทาง ESG โดยตั้งแต่ปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีการจัดทำรายชื่อหุ้นยั่งยืน ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในปี 2561 ได้มีการจัดทำดัชนีความยั่งยืน (SET ESG Index) ขึ้นเป็นครั้งแรก

 

และเมื่อกลางปี 2565 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแพร่ “คู่มือการรายงานความยั่งยืนสำหรับบริษัทจดทะเบียน” และ “เอกสารแนะนำตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน (ESG Metrics) ตามกลุ่มอุตสาหกรรม”เพื่อเป็นแนวทางให้กับภาคธุรกิจในการเปิดเผย

ข้อมูลด้านความยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนในการตัดสินใจลงทุน

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีการจัดทำมาตรฐานกลางเพื่อจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ได้เผยแพร่“มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) ระยะที่ 1” ซึ่งมุ่งเน้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคพลังงานและภาคการขนส่งก่อน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้อ้างอิงการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่แนวทาง ESG

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฯ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซื้อกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: TESG) ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซื้อกองทุน TESG ในอัตราร้อยละ 30 ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปีและยกเว้นภาษีกำไรจากการขายหน่วยลงทุนหากถือครบเป็นเวลาไม่น้อย

กว่า 8 ปี

มาตรการดังกล่าว ให้เริ่มทันทีจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 ซึ่งกองทุน TESG มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการออมผ่านการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น โดยกองทุน TESG จะจำกัดให้ลงทุนเฉพาะบริษัทในประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้บริษัทไทยดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน TESG และนำมาลดหย่อนภาษีงวดปี 2566 ได้ทันที

“การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืนเป็นแนวโน้มสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG จะส่งผลต่อศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าธุรกิจที่แสวงหาเพียงแค่ผลกำไร”

 

TAGS: #ESG #ะหลักธรรมาภิบาล #EU #Taxonomy