เป๊ปซี่โค ขอเต็มที่อุตฯ F&B แห่งอนาคต ผ่าน Greenhouse Accelerator #2 ในเอเชียฯ สร้างระบบนิเวศยั่งยืนทำงานร่วมสตาร์ทอัป รุ่นใหม่

เป๊ปซี่โค ขอเต็มที่อุตฯ F&B แห่งอนาคต ผ่าน Greenhouse Accelerator #2 ในเอเชียฯ สร้างระบบนิเวศยั่งยืนทำงานร่วมสตาร์ทอัป รุ่นใหม่
เป๊ปซี่โค เดินหน้าสู่ผู้นำอุต F&B อย่างยั่งยืนระดับโลก ผ่านสตาร์ทอัปธุรกิจระดับภูมิภาค ครอบคลุมทั้งการเกษตร เศรษฐกิจหมุนเวียน ภูมิอากาศโลก ในโครงการ Greenhouse Accelerator #2 ในเอเชียฯ

เหวิน หยวน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของเป๊ปซี่โค เอเชียแปซิฟิก ผู้ทำตลาดและเจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารแบรนด์ระดับโลก อาทิ เป๊ปซี่-โคล่า,เลย์, โดริโทส, ชีโตส เกเตอเรด ฯลฯ เปิดเผยว่า เป๊ปซี่โค มุ่งเดินหน้าสู่องค์กรความยั่งยืนระดับโลก พร้อมมีส่วนร่วมสร้างการเติบโตร่วมกันในแต่ละประเทศในภูมิภาคที่เข้าไปทำตลาด

โดยมีพันธกิจหลัก คือ การบูรณาการแนวทางที่ทันสมัยเหล่านี้ไว้ในห่วงโซ่คุณค่าทั่วโลกของบริษัท เพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นที่จะยกระดับรอยเท้านิเวศ (Ecological footprint) ให้ดียิ่งขึ้น โดยภายในปี 2568 เป๊ปซี่โคตั้งใจที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดรีไซเคิลได้ สลายตัวได้ ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือใช้ซ้ำได้ พร้อมด้วยเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40% ภายในปี 2573

เหวิน กล่าวว่า เป๊ปซี่โค ยังได้ขยายขอบเขตของโครงการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยร่วมกับพันธมิตรใหม่ซึ่งเป็นผู้บรรจุขวดอย่างซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม เพื่อร่วมขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของตนเองในทุกส่วน พร้อมผสานความยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาคและครอบคลุมผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย เพื่อขยายผลลัพธ์จากความร่วมมือให้ก่อเกิดประโยชน์ในวงกว้าง

สร้างระบบนิเวศ เกษตรฯ-เศรษฐกิจ-ภูมิอากาศ ยั่งยืน

ขณะที่หนึ่งในโครงการสำคัญ คือ โครงการ Greenhouse Accelerator ปี 2567 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นครั้งที่2 ในภูมิภาคฯนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนและเชื่อมโยงสตาร์ทอัปผู้เข้ารอบสุดท้ายให้เข้าถึงเครือข่ายที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และทรัพยากรต่างๆ ของเป๊ปซี่โค รวมถึงกรอบการทำงานที่นำมาสนับสนุนการพัฒนา ร่นระยะเวลาเข้าสู่ตลาด และเพิ่มศักยภาพในการขยับขยายโซลูชันให้ครอบคลุมการใช้งานในวงกว้าง

สำหรับโครงการฯ ได้เปิดรับใบสมัครจากสตาร์ตอัปทั่วเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ มีผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 รายที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการที่ล้วนเป็นผู้บริหารของเป๊ปซี่โค โดยพิจารณาจากความสามารถในการนำเสนอโซลูชันที่มีนวัตกรรมใน 3 กลุ่ม ดังนี้

ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน

  • Takachar ประเทศฟิลิปปินส์
  • X-Centric ประเทศออสเตรเลีย

ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน

  • CIRAC ประเทศไทย
  • ELIoT Energy ประเทศออสเตรเลีย

ด้านการรับมือด้านสภาพภูมิอากาศ

  • Alternō ประเทศเวียดนาม
  • Grac ประเทศเวียดนาม
  • Mi Terro ประเทศจีน
  • Wildfire Energy ประเทศออสเตรเลีย
  • Captivate Technology ประเทศนิวซีแลนด์
  • AllEV ประเทศไทย

“ในปี 2567 นี้ เป๊ปซี่โค ขยายโครงการ Greenhouse Accelerator เอเชียฯ ให้ครอบคลุมหัวข้อใหม่สำคัญ อย่างเรื่องเกษตรกรรมยั่งยืน ด้วยเกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญในระบบอาหารของเรา อย่างการทำธุรกิจในจีนซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตรที่มีการปลูกมันฝรั่งขนาดใหญ่ที่สุดของโลก” เหวิน กล่าว  

โดย เป๊ปซี่โค เตรียมเฟ้นหาสตาร์ตอัปผู้บุกเบิกในภาคส่วนนี้ให้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 2 ราย โดยแต่ละรายล้วนมีแนวทางอันทันสมัยในด้านการทำสวนทำไร่อย่างยั่งยืน ซึ่งการคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละรายดูจากแนวทางที่แปลกใหม่ในการจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นเกณฑ์หลักภายใต้เป้าหมาย pep+ เพื่อการทำทรานส์ฟอร์เมชันของเป๊ปซี่โค (PepsiCO Positive) โครงการนี้เน้นย้ำปณิธานของเป๊ปซี่โคที่มีต่อระบบอาหารในยุคหน้าเพื่อความรุ่งเรืองของผู้คนและโลกไปพร้อมกัน

เหวิน กล่าวว่า Greenhouse Accelerator ตั้งเป้าหมาย ในการกระตุ้นให้สตาร์ตอัปเหล่านี้เติบโตและเสริมสร้างโอกาสในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมีความหมาย โดยผู้เข้ารอบสุดท้ายถือเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการที่มากความสามารถหลากหลายด้าน ในเอเชียแปซิฟิก และช่วยสานภารกิจของเป๊ปซี่โคในการเฟ้นหาโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายและมีศักยภาพ โดยที่ผ่านมามี 7 โครงการจากปี 2566 ในเอเชียแปซิฟิกที่ได้ทดลองดำเนินการในเครือข่ายบริษัทของเป๊ปซี่โค ทำให้ผู้เข้ารอบสุดท้ายดังกล่าวเติบโต 110% และมียอดขายเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2 สตาร์ทอัปคนไทยเข้ารอบครั้งแรก

ด้าน เอริค กิจจาธนพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เป๊ปซี่โค ทำโครงการ Greenhouse Accelerator ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียฯ และยังเป็นครั้งแรกที่ในปีนี้มี 2 สตาร์ทอัปจากประเทศไทย เข้ารอบสุดท้าย10ราย

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ผ่านเข้ารอบ 5 รายสุดท้าย เป๊ปซี่โคพร้อมจะทำงานร่วมกันในทุกด้านผ่านเครื่องมือ ภายใต้กรอบการทำงานระดับโลกของงบริษัท เพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัประดับภูมิภาคเอเชียฯ เหล่านี้ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ของเป๊ปซี่โค ด้วยเช่นกัน

 

 

TAGS: #เป๊ปซี่โค