TSAST จัดงาน Green Technology Expo2024 พร้อมโชว์ไฮไลท์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกอนาคต ที่ผู้ประกอบการธุรกิจไทยต้องรู้เพื่อตั้งรับโจทย์ใหม่ในเวทีการค้าที่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน
จากความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเครือข่ายองค์กรรัฐ-เอกชน ประกอบด้วย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงอุตสาหกรม, สมาคมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไทย-จีน (TSAST) จัดงาน Green Technology Expo2024 ขึ้นเป็นครั้งที่สองในไทย ช่วงระหว่างวันที่ 24-26ตุลาคม2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
ศาสตราจารย์ ดร. พิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน กล่าวว่าการจัดงานฯ ครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อสนับสนุนการลดปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกและส่งเสริมการพัฒนาแบบยั่งยืน(SDG) อันสอดคล้องกับนโยบายของประเทศด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน
โดยตลอดช่วงการจัดงานฯ ยังได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อน่าสนใจต่างๆ ทั้งความร่วมมือด้านพลังงานใหม่และแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว รวมถึงนโยบายการลงทุนล่าสุดของประเทศไทยในด้านพลังงานใหม่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียว การปกป้องสิ่งแวดล้อมการอนุรักษ์พลังงานคาร์บอนต่ำเทคโนโลยีชีวภาพ และสถานะการพัฒนาปัจจุบันของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียวระหว่างไทย-จีนเป็นต้น
จากแกนหลักการจัดงานฯในครั้งนี้ เพื่อให้องค์กรทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ระหว่างภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร่วมตระหนักและไปสู่การบรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ภายในปี 2025 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Emissions) ภายในปี2065
“ที่สำคัญยังร่วมสนับสนุนนโยบายของสหประชาชาติและการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) และ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) เพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกด้วย” ศาสตราจารย์ ดร. พิชัย กล่าว
พร้อมเสริมว่างานฯ ดังกล่าวยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสู่การสร้างมาตรฐาน (Standard) เทคโนโลยีสีเขียวในด้านต่างๆ และนำมาใช้ร่วมกันเพื่อผลักดันการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มประเทศเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมลดการพึ่งพาตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป ที่เป็นผู้กำหนดมาตรฐานดังกล่าวไว้ก่อนหน้า ซึ่งอาจเป็นกำแพงทางการค้าที่อยู่ในรูปแบบข้อกำหนดภายใต้มาตรการ กฎระเบียบต่างๆ ที่ประกาศใช้ตลอดช่วงที่ผ่านมา
“ขณะนี้มีการหารือร่วมกับพันธมิตรทั้งจาก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เพื่อสร้างมาตรฐานในแต่ละด้านออกมาให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน และผลักดันสู่การค้าระหว่างกลุ่มประเทศกันเองได้ในระดับภูมิภาคโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีประเทศใดมาตั้งกฎเกณฑ์เพื่อกีดกันการค้าของเรา” ศาสตราจารย์ ดร. พิชัย กล่าวพร้อมเสริมว่า “ไฮไลท์สำคัญในงานฯ ยังจะได้เห็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกที่น่าสนใจต่างๆ อย่างเทคโนโลยีพลังงานทดแทนไฮโดรเยนราคาถูกที่สุดในโลก ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้จากไฮโดรเยนได้หน่วยละไม่ถึงหนึ่งบาท”
การจัดงานฯ ในปีนี้ ยังมุ่งสร้างการเปลี่ยนผ่านองค์ความรู้ในระดับที่นำมาใช้ได้จริงให้เกิดขึ้นในรูปแบบการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม มามีส่วนร่วมเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานธุรกิจได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทั้งด้านทรัพยากร ลดการปล่อยมลพิษ ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตปรินต์ ฯลฯ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจตามมา
ด้าน ชวน ลี รองเลขาธิการ TSAST กล่าวว่า การจัดงาน Green Technology Expo2024 ครั้งที่สองในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมแสดงนิทรรศการ/การจัดงาน (Exhibitor) ไม่ต่ำกว่า 60 องค์กร โดยแบ่งออกเป็น 4หมวดสำคัญภายใต้ Green Technology ดังนี้
- Green Medical
- Green Agriculture
- Green Energy
- Green Industry
“ในปีนี้ ยังมีเอ็กซิบิเตอร์ด้านกรีนเทคโนโลยีจากประเทศเกาหลี และ มาเลเซีย เข้าร่วมเป็นครั้งแรก ด้วยต่างมองว่านวัตกรรมและกรีนเทคโนโลยีจะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าในอนาคต อย่างประเทศมาเลย์ได้โฟกัสในอุตสาหกรรมยางพาราที่มุ่งไปสู่ Zero Waste การลดขยะให้เป็นศูนย์แล้ว” ลี กล่าว
นอกจากนี้ภายในงานฯ ยังมีความพิเศษ ด้วยการนำ ‘กรีน เทคโนโลยี’ ที่มีความหลากหลายเข้ามาร่วมแสดง และต่อยอดจากงานฯในครั้งแรกเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทยตลอดทั้งซัพพลายเชน ในด้านต่างๆ อาทิ สถานีอีวี ฟาสตชาร์จ (Fast Charging EV Station) โดยนำเทคโนโลยีความเย็น (Cooling) มาลดอุณหภูมิความร้อนจากการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ต้องใช้ระยะเวลารวดเร็วในการชาร์จแบทเตอรีอีวี ยุคใหม่ หรือ เชื้อเพลิงไฮโดรเยน ที่จะเป็นแหล่งพลังงานทดแทนแห่งอนาคต ทั้งในระบบอุตสาหกรรม และ การใช้ประโยชน์สำหรับผู้บริโภคปลายทาง ฯลฯ
ลี กล่าวว่า งานฯ ดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในฐานะแพลตฟอร์มที่มีส่วนร่วมสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจถึงความหมายของทั้งคำว่า Green และ Sustain ความยั่งยืน ได้อย่างแท้จริง และยังเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจในแต่ละด้านได้อย่างเหมาะสม พร้อมหาโซลูชันทางการค้าร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลก ภายใต้กรอบยูเอ็นที่กำหนดไว้
โดยการจัดงานฯในปีนี้ คาดมีผู้สนใจที่มาจากองค์กรรัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมตลอดระยะเวลาการจัดงานฯไม่ต่ำกว่า 2,000 คน และยังเตรียมเก็บข้อมูลต่างๆในครั้งนี้ นำไปพัฒนาเพื่อจัดงานฯ Green Technology Expo 2025 ในปีถัดไป ซึ่งจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้นมาสู่ผู้ประกอบการธุรกิจในภูมิภาคเอเชียฯ เพื่อผลักดันไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2025 ได้ในท้ายที่สุด
ภาพ-สุทัศน์ ชาวสวน