"บิ๊กป้อม-สมคิด" สมประโยชน์สะเทือนเก้าอี้ "บิ๊กตู่"

"สมคิด" เตรียมแถลงเปิดตัวกลับรังเก่าซบอก "บิ๊กป้อม" สะเทือนเก้าอี้ "บิ๊กตู่" มีหนาว

การที่พรรคสร้างอนาคตไทยของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" โดย "อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรค และ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค เตรียมแถลงเปิดตัวกลับรังเก่า ไปซบอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.2566) โดยไม่มีเงื่อนไข นั้นส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นพรรคที่น่าจับตามองมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้พรรค "บิ๊กป้อม" ถูกมองว่าอาจเป็นพรรคที่จะได้ที่นั่งต่ำกว่า 25 เสียงด้วยซ้ำไป

แม้กลุ่มสมคิดจะไม่มีกลุ่ม สส. ระบบเขตเลย แต่เมื่อได้เข้ามาปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐ ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นของแฟนคลับและนักการเมืองต่อพรรคพลังประชารัฐและ "บิ๊กป้อม" สูงขึ้นไม่มากก็น้อย

ผลดีประการแรกที่เห็นชัดเจนสุดในการกลับมาของกลุ่มสมคิด คือ ย่อมทำให้ภาพ "ลุงป้อม" และพรรคพลังประชารัฐดูดีมีราคาขึ้นมาทันทีในทางการเมือง เพราะกลุ่มสมคิดเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เมื่อหันกลับมาก็จะช่วยเสริมทัพ ทำให้ลุงป้อมครบเครื่องมากยิ่งขึ้น

ประการที่สองทำให้ภาพของ "บิ๊กป้อม" กลายเป็นคู่ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ "บิ๊กตู่" ที่สมน้ำสมเนื้อมากขึ้นเพราะเท่ากับว่าแกนนำพรรคพลังประชารัฐยังอยู่กันครบออกไปก็เพียงแต่ "บิ๊กตู่" ที่ย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นการเมืองของ "บิ๊กป้อม" มากกว่า "บิ๊กตู่" 

ประการที่สามทำให้พรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของ "บิ๊กป้อม" มีความชอบธรรมในการอ้างถึงนโยบายของพรรคในการบริหารประเทศในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมาได้อย่างเต็มภาคภูมิตั้งแต่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน โครงการคนละครึ่งที่ทีมสมคิด คิดไว้ทั้งนั้น 

ประการทีสี่เมื่อภาพพรรคพลังประชารัฐและลุงป้อม มีลุ้นในการชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรียิ่งทำให้เสียง ส.ว.ที่อยู่ในมือของ "บิ๊กป้อม" และ "สมคิด" ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า "บิ๊กตู่" มีความมั่นใจในการโหวต "บิ๊กป้อม" ให้เป็นนายกฯมากขึ้น

ขณะเดียวกัน "บิ๊กป้อม" ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นยังเดินหน้าเจรจา คนออกจากพรรคพลังประชารัฐให้กลับมา อาทิ "ร.อ.ธรรมนัส พรหม เผ่า" พร้อมกับเดินหน้าเชิญพรรคเล็ก ที่โดนพิษบัตรใบเดียวให้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ซึ่งหลายพรรคตอบรับแล้วรอจังหวะแถลงเปิดตัวต่อไป

การเปิดเกมรุกของ "บิ๊กป้อม" ครั้งนี้ย่อมสะเทือนถึงการป้องกันแชมป์เก้าอี้นายกรัฐมนตรีสมัย 3 ของ "บิ๊กตู่" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับในส่วนของ "สมคิด" นั้นหากถามว่า ได้อะไรจากการกลับเข้าไปในพลังประชารัฐครั้งนี้นั้น เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วในส่วนตัว "สมคิด" คงหมดโอกาสบนเส้นทางเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะถูกมองว่าล้มเหลวในการทำพรรคสร้างอนาคตไทย และเมื่อไปไม่รอดถึงต้องซมซานกลับเข้ามาซบ "บิ๊กป้อม"

ในสภาพที่ไม่สามารถต่อรองอะไรทางการเมืองได้เลย โดยเฉพาะเก้าอี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่สองรองจาก "บิ๊กป้อม" เพราะพรรคพลังประชารัฐดักทางไว้หมด โดยใช้ที่ประชุมใหญ่มีมติล่วงหน้าเสนอ "บิ๊กป้อม" เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

งานนี้จึงต้องรอวัดใจ "ลุงป้อม" ว่าจะกรุยทางภายหลังให้ "สมคิด" มายืนเคียงข้างหรือไม่ ทว่าสมการทางการเมืองถ้ายังไม่ถึงวันรับสมัครเลือกตั้งยังไม่มีอะไรแน่นอน ยังพลิกกันได้อีกหลายตลบ

ความจริง "สมคิด" และพรรคสร้างอนาคตไทย ได้ดีลควบรวมกับพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ทีใกล้ปิดจ็อบกันแล้วด้วยซ้ำไปแต่ต้องมาติดขัดกันตรงที่ชื่อโดยทีม "สมคิด" ต้องการให้เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อไม่ให้ถูกมองว่ากลุ่มตัวเองไร้ที่ไป ไร้ราคา แต่ทาง กลุ่มไทยสร้างไทยไม่ยอมเพราะเห็นว่าชื่อไทยสร้างไทยเป็นที่รู้จักของประชาชนแล้ว แต่จะให้ใช้สโลแกนไทยสร้างไทย เพื่อสร้างอนาตไทย 

เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล ระหว่างนั้นทีมบิ๊กป้อมประสาน "สมคิด" ขอให้กลับพลังประชารัฐ "สมคิด" ตัดสินใจไปคุยสองต่อสองกับ "บิ๊กป้อม" ก่อนส่ง "อุตตม-สนธิรัตน์" ไปคุยตกลงกันอีกครั้ง โดยที่ "สมคิด" กำชับไม่ต้องคุยเรื่องแคนดิเดตนายกฯ

งานนี้ "สมคิด" ดีดลูกคิดบวกลบคูญหารแล้ว ไปอยู่กับบิ๊กป้อมย่อม ดีกว่ารวมพรรคไทยสร้างไทย

1.ในอดีตไม่ได้ผิดใจกับ "บิ๊กป้อม" มาก่อน ที่ออกเพราะ มีปัญหากับ บิ๊กตู่

2.การกลับพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะเป็นผู้ก่อตั้งพรรคมากับมือ จึงอยากกลับไปสู่บ้านทีเคยสร้างและทำสำเร็จมาแล้ว และเชื่อว่าสามารถหักล้างกับความล้มเหลวในการทำพรรคสร้างอนาคตไทยได้ ไม่มากก็น้อย  

3.การไปรวมกับคุณหญิงสุดารัตน์ แม้จะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคู่กัน แต่การทำการเมืองในยุคเงินเป็นใหญ่ ให้ประสบความสำเร็จยังเหนื่อยอีกมาก  

4.โอกาสที่ "อุตตม-สนธิรัตน์" คนสนิทจะเติบโตทางการเมืองมีมากกว่าเพราะมองว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นรัฐบาลชัวร์หลังการเลือกตั้งไม่ว่าฝ่ายไหนได้เป็นรัฐบาล  

5.ไม่ต้องวิ่งหาเงินมาใช้ในการเลือกตั้ง

ทั้งหมดนี้เป็นบริบททางการเมือง ยังต้องตามติดกันต่อไปยิ่งใกล้วันเลือกตั้งยิ่งเข้มข้น ส่วนใครจะเดินแต้มทางการเมืองผิดหรือถูกต้องรอหลังเลือกตั้งเท่านั้น

TAGS: #ประยุทธ์ #ประวิตร #สมคิด #อุตตม #สนธิรัตน์