รัฐบาลพิธาไม่คืบ พรรคเพื่อไทยขยับ เดินเกมดีลปลดล็อค ประกาศชิงเก้าอี้ประธานสภา กดดันพรรคก้าวไกลถอดใจ เปิดทางเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล
ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค 313 เสียง ที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ยังไปไม่ถึงไหน เพราะทั้ง 8 พรรคได้ข้อสรุปแค่เรื่องเดียวคือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่พร้อมใจกันยกให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่ด่านแรกที่จะต้องมีการโหวตกันคือเก้าอี้ประธานรัฐสภา ซึ่งมีการชิงไหวชิงพริบกันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคก้าวไกลเองก็คงจะคาดเดาได้ว่าโอกาสที่นายพิธาจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.นั้นยากมากถึงมากที่สุด ดังนั้นจึงต้องการยึดเก้าอี้ประธานรัฐบาลเอาไว้เพื่อคุมเกมในสภา
ขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับสอง นั่งดูการเดินเกมการเมืองของพรรคก้าวไกลมาเดือนกว่าแล้ว สรุปได้ว่าโอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาล "พิธา1" เป็นไปได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยวางตัวเข้าชิงตำแหน่ง ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม ประกาศหนักแน่นขอสนับสนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นก็ปล่อยให้ "พิธา" เล่นบทดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยม เดินเกมล็อบบี้ ส.ว.แต่ยังไร้วี่แวว ประกอบกับการปลุกกระแสสังคมให้กดดัน ส.ว.ที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช.และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ให้ทำตามฉันทามติของประชาชน โดยโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ก็ไม่เป็นผล เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่สนใจเสียงนอกสภา และหาก 8 พรรคยังเกาะกันอยู่แบบนี้ การเมืองก็จะติดเดดล็อกขยับไม่ได้
ประกอบกับ "นายใหญ่" วิเคราะห์แล้ว สรุปได้ว่า
1.หากยังอยู่ใต้ร่มเงาของพรรคก้าวไกลแบบนี้ พรรคเพื่อไทยมีแต่จะถดถอยไปเรื่อยๆ โอกาสที่นายทักษิณ ชินวัตร จะได้กลับบ้านเป็นศูนย์
2.พรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.
3.ความชอบธรรมที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ต้องทำให้พรรคก้าวไกลถอนตัวจากแกนนำรัฐบาล
4.จังหวะที่พรรคก้าวไกลจะประกาศถอนตัวมี 2 จังหวะ
- ขัดแย้งกับเพื่อไทยเรื่องตำแหน่งประธานรัฐสภา พร้อมสลายขั้วรัฐบาล ประกาศเป็นฝ่ายค้าน
- พิธาโหวตนายกฯไม่ผ่าน แสดงสปิริตเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสองจัดตั้งรัฐบาล
ซึ่ง "กุนซือใหญ่" ระดับมังกรการเมือง ด้วยประสบการณ์ความเก๋าในสภา ตีลังกาวิเคราะห์หลายกระบวนท่าแล้ว ยังไงพิธาก็ผ่านยาก หากยอมยกเก้าอี้ประธานสภาให้ก้าวไกลก็เสียของ ดังนั้นต้องชิงจังหวะประกาศเสียงกร้าว เก้าอี้ประธานสภาต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยวางตัว "พ่อมดดำ" สุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานรัฐสภา เพราะสุชาติเป็นคนมีน้ำใจมักเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่แก่พรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งในสภาสูงๆ ก็มีพวกอยู่ไม่น้อย
"ดีลปลดล็อค" จึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศไทยยังไงก็ต้องมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ และไม่กลัวว่าหากพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านแล้วจะได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะหากได้เป็นรัฐบาลและมีผลงานก็ยังมีโอกาสกอบกู้คะแนนนิยมมาได้ ตรงกันข้ามหากอยู่ใต้ร่มเงาของก้าวไกลมีแต่จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสื่อมถอยและตกต่ำไปเรื่อยๆ
"สูตรรัฐบาลพรรคเพื่อไทย" ประกอบด้วย 5 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง รวม 271 เสียง โดยจะสนับสนุน อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและล่าสุดได้รับการติดต่อจากกลุ่มการเมืองพรรครวมไทยสร้างชาติที่พร้อมจะเป็นงูเห่า นำโดยแกนนำระดับรัฐมนตรีพร้อมที่จะนำ ส.ส.จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 10-12 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของนายใหญ่