BRANDi พาองค์กรยั่งยืน ด้วยสูตร3P คน-โลก-กำไร ทุนนิยมบนโลกธุรกิจใหม่

BRANDi พาองค์กรยั่งยืน ด้วยสูตร3P คน-โลก-กำไร ทุนนิยมบนโลกธุรกิจใหม่
ย้อนกลับไปเมื่อราว 11 ปีก่อน BRANDi ธุรกิจที่ปรึกษากลยุทธ์ระดับองค์กร รายแรก ๆ ในไทยที่มองไกลถึงพันธกิจ (Mission) การพาองค์กรทุกขนาดสู่การเติบโตเพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ด้วยส่วนผสม 3P

ปัจจุบัน ‘ปิยะชาติ (อาร์ม) อิศรภักดี’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแบรนดิ แอนด์ คอมพานีส์ จำกัด ในวัย 38 ปี เกริ่นแนวคิดการทำธุรกิจ BRANDi ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงที่เจ้าตัวอายุเพียง 27 ปี ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในการผันตัวจากวิศวกรอวกาศยานมาสู่โลกธุรกิจ แม้ว่าเจ้าตัวจะเคยได้รับการตอบรับให้เข้าร่วมเสนอวิทยานิพนธ์ในการประชุมวิชาการ ณ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หนึ่งในสถาบันวิจัยระบบปัญญาประดิษฐ์ของ NASA ซึ่งนับได้ว่าเป็นก้าวสูงสุดในฐานะนักวิจัยด้านเทคโนโลยีอวกาศยาน

“วิทยานิพนธ์นี้เป็นการนำ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาช่วยในโครงการเพื่อพัฒนาระบบการลงจอดของ Lunar Penetrator หรือหัวขุดเจาะที่ถูกส่งไปยังดวงจันทร์ เพื่อสำรวจทรัพยากรต่าง ๆ บนพื้นผิวดวงจันทร์ โดยระบบที่พัฒนาจะช่วยให้หัวขุดเจาะสามารถลงจอด ณ จุดที่คำนวณไว้อย่างแม่นยำ” ปิยะชาติ อธิบายภาพให้ชัดขึ้น

จากนั้น ปิยะชาติหันมาสนใจด้านเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการบริหารจัดการ จึงศึกษาเพิ่มเติมด้านการบริหารจัดการแบรนด์ที่ Kellogg School of Management ที่ซึ่งได้มีโอกาสพบกับศาสตราจารย์ ‘ฟิลิป คอตเลอร์’ (Philip Kotler) ปรมาจารย์ด้านการตลาดของโลก ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นบุคคลที่มีมุมมองทางการตลาดที่เฉียบคมที่ผนวกด้วยพื้นฐานทางด้านเศรษฐศาสตร์

โตยั่งยืนด้วย 'คน-โลก-กำไร'

ในช่วงที่กลับมาเมืองไทยแล้ว แม้ว่าจะยังรักและถนัดในงานด้านอวกาศยาน แต่ก็ต้องมองตามความจริงว่า ที่ประเทศไทย ยังไม่มีตลาดด้านนี้อย่างจริงจัง ผนวกกับความสนใจด้านเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการบริหารจัดการ จึงเป็นจุดตัดสินใจที่ปิยะชาติก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ระดับองค์กรอย่างเต็มตัว ในชื่อ BRANDi ซึ่งมีความหมายหากถอดรหัสการอ่านจากขวาไปซ้าย จะเจออักษรกลุ่มแรกว่า iDNA ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของ BRANDi นั่นเอง

โดยมีคีย์เวิร์ดหลักของความเชื่อพร้อมพาองค์กรเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ด้วย 3P คือ  คน (People) โลก (Planet) และ กำไร (Profit) เป็นส่วนผสมสำคัญในโลกเศรษฐกิจทุนนิยมยุคใหม่   

แบรนด์แข็งแรงมาพร้อมโอกาส

ปิยะชาติ เล่าต่ออีกว่าความสนใจที่หันมาสร้างแบรนด์ให้กับองค์กร เพราะมองว่าธุรกิจนี้เป็นโอกาสอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดจากวิวัฒนาการของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่บางครั้ง ลูกค้า อาจไม่ได้เลือกซื้อสินค้าเพราะคุณสมบัติของสินค้า แต่ตัดสินใจซื้อเพราะเชื่อมั่นใน ‘แบรนด์’

ดังนั้นการจะเตรียมความพร้อมสู่อนาคตยั่งยืนขององค์กร คือ การสร้างและรักษาทั้ง มูลค่า และคุณค่าของแบรนด์ไปพร้อมกัน

“ในอดีตการสร้างแบรนด์ อาจต้องใช้จุดเด่น จุดแข็ง เพื่อมาซัพพอร์ต สร้างการรับรู้ผ่านกระบวนการออกแบบให้เชื่อมโยงกับโลโก้ การโฆษณา หรืออื่น ๆ แต่ในปัจจุบัน และอนาคตการสร้างแบรนด์จะต้องสร้างคุณค่า และเรื่องราวที่สะท้อนกลับมาหาลูกค้าที่เป็นศูนย์กลางด้วย ทำให้กระบวนการธุรกิจต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยนำการบริหารจัดการมาใช้พร้อมเชื่อมโยงเรื่องของ คน  และ โลก  ใส่เข้าไปในการทำธุรกิจที่สร้างผลกำไร  ไปพร้อม ๆ กัน” ​ปิยะชาติ อธิบายเพิ่มเติม

ทุนศักยภาพธุรกิจโลกใหม่

ปิยะชาติ กล่าวอีกว่า การจะปรับองค์กร หรือ ธุรกิจให้ไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนได้อย่างแท้จริงได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ‘Mindset’ ซึ่งต้องเป็นชุดความคิดในระดับที่มุ่งมั่นทั้งต่อการสร้างคุณค่าจากภายในออกสู่ภายนอก (Inside Out) และการรับคืนคุณค่าจากภายนอกเข้าสู่ภายใน (Outside In)

โดย Mindset ที่ถูกต้องนี้ ควรเริ่มจาก ‘ผู้นำ’ ขององค์กร ที่จะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก ไม่มองเรื่องของ คน เป็นเพียงทรัพยากร (Resource) แต่ต้องมองให้ทุกอย่างสัมพันธ์กันในรูปแบบของต้นทุน (Capital) และเป็นทุนที่มีคุณภาพเพื่อใช้เป็นกลไกการขับเคลื่อนร่วมกัน และทำให้โลกน่าอยู่และยั่งยืนยิ่งขึ้น ตามที่หลายองค์กรวางมิชชั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนปี 2030

“เมื่อก่อนธุรกิจมักถูกโจมตีว่าเป็นตัวการทำให้โลกเลวร้าย มีเรื่องของคนรวยกระจุกคนจนกระจาย แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า ก็มีคนรวยที่เติบโตจากคนจนมาก่อนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อธุรกิจเปลี่ยนความคิดมาให้ความสำคัญการมองทุกอย่างเป็น Capital มากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ช่วยลดต้นทุน ช่วยเพิ่มรายได้ จะเห็นได้ว่าพอความคิดเปลี่ยนทั้งเรื่อง คน โลก และ กำไร ก็จะดีไปพร้อมกัน” ปิยะชาติ กล่าว  

สะท้อนผ่านเวทียูเอ็น

โดย BRANDi ในช่วงที่ผ่านมายังได้สะท้อนแนวทางการทำงานในตลาดต่างประเทศ ในฐานะสมาชิก Centre for the New Economy and Society ของ World Economic Forum ทั้งทางด้านวิชาการ เศรษฐกิจ และธุรกิจต่าง ๆ

ซึ่งล่าสุด BRANDi ได้เป็นตัวแทนกลุ่มภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหนึ่งเดียวของโลกบนเวทีนานาชาติยูเอ็น ในการประชุม High-Level Political Forum on Sustainable Development 2023 หรือ HLPF ณ สำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก และได้ขึ้นกล่าวช่วงการประชุม ทาวน์ ฮอลล์ ของการประชุมในครั้งนี้

โดยมีใจความสำคัญถึงองค์ประกอบ 5 ด้านที่จะนำทางไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ประกอบด้วย นโยบายที่ถูกต้อง เทคโนโลยีที่ถูกต้อง ข้อมูลที่ถูกต้อง การลงทุนที่ถูกต้อง และพฤติกรรมที่ถูกต้อง เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวมอย่างแท้จริง  ที่ในวันนี้ทั้งโลกได้เดินทางกันมาถึงครึ่งทางแล้ว (จากเป้าหมาย 2015-2030)

จะเลือกเป็นผู้นำสายไหน ?

ปิยะชาติ กล่าวว่า สิ่งท้าทายของการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืนตามแนวคิดทุนนิยมใหม่ ยังมีหลายจุด แม้ว่าในหลายอุตสาหกรรมจะตื่นตัว และปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด ด้วยมีความยาก คือความพร้อมปรับตัวของ ‘ผู้นำ’ หรือ ‘ผู้บริหาร’ ว่าจะนำองค์กรให้อยู่ด้วย ‘วิกฤต’ หรือ ‘วิสัยทัศน์’  

“จะมีสองทางเลือก ถ้ารอวิกฤตมาเคาะหน้าประตู เราจะเปลี่ยนไม่ทัน และวิกฤตจะบังคับให้เราต้องเปลี่ยน ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีคนบางกลุ่มมองวิกฤตเป็นปัญหาและ บางกลุ่มเห็นเป็นการเติบโต ส่วนวิสัยทัศน์ จะเกิดจากการตระหนักรู้เอง จะเป็นการมองไปข้างหน้า เห็นอนาคตอีกห้าปี สิบปี ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร และวางแผนตั้งรับไว้ได้” ปิยะชาติ กล่าว

พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า “ในอดีตธุรกิจอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของสหรัฐอเมริกา มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 75 ปี แล้วธุรกิจจึงค่อย ๆ หายไป แต่ตอนนี้ธุรกิจอายุเพียง15 ปีก็หายไปแล้ว ทำให้เห็นว่าธุรกิจใหม่อยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น วิสัยทัศน์ ของผู้นำองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะที่เราเป็นที่ปรึกษาเราเปลี่ยนความคิดของผู้นำไม่ได้ แต่เราให้คำแนะนำได้ว่า จะต้องตั้งคำถามที่ถูกต้องและดำเนินการอย่างไร”

ปิยะชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวคิดการทำงานของ BRANDi เริ่มจากความเชื่อมั่นในการมีส่วนร่วมเพื่อความยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกันในองค์กรที่มีพนักงานราว 50 คน และมีสำนักงานรองรับการทำงานรวม 3 สาขาในกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามคอนเซ็ปต์พื้นที่การทำงาน ได้แก่ ‘BRANDi HeadQuarter’ ‘BRANDi HeartQuarter’ และ ‘BRANDi HopeQuarter’

BRANDi HeadQuarter และ BRANDi HeartQuarter ทำเลตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท มีพื้นที่ชวนเปิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และ ยังเป็นสถานที่แสดงผลงานของ BRANDi และสามารถจัดงานอบรมให้กับลูกค้ากลุ่มเล็กได้ ส่วน BRANDi HopeQuarter ทำเลย่านเลียบด่วนรามอินทรา เป็นพื้นที่ในการสร้าง Community และเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือและผลกระทบเชิงบวกอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้การออกแบบที่ผสานเอาทั้งความยั่งยืน (Sustainability) ความล้ำสมัย (Technology) และความสร้างสรรค์ (Creativity) เข้าไว้ด้วยกัน

โดย BRANDi วางเป้าหมายองค์กรภายใต้คีย์เวิร์ด Future-ready ในการเตรียมความพร้อมธุรกิจยั่งยืนในอนาคต

“ด้วยในทุกวันนี้ตลาดเปลี่ยนแปลงไวมาก ถ้าหากวิ่งตามตลอดเราก็อาจจะไม่รอด การทำธุรกิจจึงต้องมองหาคุณค่าร่วม ศึกษาตลาดใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจหลักให้ได้ และที่สำคัญที่สุด ผู้นำองค์กรต้องเข้าใจวิธีคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์การเป็น Future-ready business ให้ได้”

 

TAGS: #BRANDi #แบรนดิ #ธุรกิจยั่งยืน #SDG #ปิยะชาติ #อิศรภักดี