แม้โลกยังไม่เคยพบมนุษย์ต่างดาวตัวเป็น ๆ แต่อนาคตเป็นไปได้ที่มนุษย์จะทำการค้ากับเอเลี่ยน ฉีกทุกตำราเศรษฐศาสตร์ เปิดมุมมองนักวิทย์กับโมเดลธุรกิจระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนต่างดาว
ช่วงนี้ดูเหมือนกระแสเรื่อง UFO หรือสิ่งมีชีวิตต่างดาว (Extraterrestrial) จะได้รับการพูดถึงอีกครั้ง จากกรณีที่มีข่าว กองทัพอากาศสหรัฐยิงสกัดวัตถุประหลาดเหนือท้องฟ้ารัฐแอลาสก้า และอีกชิ้นที่ลอยเหนือแคว้นยูคอนในประเทศแคนาดา ซึ่งแม้ทางโฆษกทำเนียบขาวจะออกมายืนยันว่าวัตถุดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวแต่อย่างใด แต่พบความเชื่อมโยงกับกรณีบอลลูนของจีนที่สหรัฐเคยพบเหนือน่านฟ้ารัฐมอนทานา เมื่อหลายวันก่อน
แม้รัฐบาลสหรัฐจะปฏิเสธว่า วัตถุปริศนาเหนือท้องฟ้ารัฐแอลาสก้าและแคว้นยูคอน จะไม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่เมื่อหลายปีก่อน กระทรวงกลาโหมสหรัฐเคยยอมรับว่าคลิปวิดีโอที่นักบินขับไล่ของกองทัพ ไล่ตามวัตถุปริศนานั่นเป็นคลิปวิดิโอของจริง ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าวัตถุปริศนาที่พบนั้นเป็นอะไรกันแน่ ทำให้กระแสตื่นตัวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
ปัจจุบันแม้โลกยังไม่เคยมี 'First Contact' จากสิ่งมีชีวิตต่างดาวมากก่อน แต่บรรดาหน่วยงานและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยังคงเดินหน้าวิจัยและค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนเป็นวงกว้างคือกรณีเหตุวัตถุปริศนาตกใส่ไร่แห่งหนึ่งใกล้กับเมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 ซึ่งวัตถุดังกล่าวเชื่อว่า เป็นยานอวกาศที่มีสิ่งมีชีวิตนอกโลก และได้กลายเป็นหนึ่งในเป็นหัวข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง และเกิดทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์สิ่งมีชีวิตนอกโลก โดยเหตุการณ์นี้ยังเชื่อมโยงกับฐานทัพอากาศ Area 51 ที่รัฐเนวาดา ด้วยเช่นกันว่าอาจเป็นสถานที่ทดลองเกี่ยวกับเทคโนโลยีลับของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจากทั้งสองกรณีนี้ แม้ยังคงเป็นทฤษฏีสมคบคิด แต่เรื่องยูเอฟโอและสิ่งมีชีวิตต่างดาว ได้กลายเป็นหนึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าให้กับรัฐบาลท้องถิ่นไม่น้อย
UFO Economic
แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจนอกโลกแม้อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัว ขณะที่มนุษย์ยังคงเดินหน้าในภารกิจสำรวจอวกาศและค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่ครั้งนึงศาสตราจารย์คาร์ล เซแกน (Carl Sagan) นักดาราศาสตร์ดังชาวอเมริกัน เคยอธิบายถึงโมเดลการค้ากับมนุษย์ต่างดาวไว้อย่างน่าสนใจ
โดยศ.เซแกน มองว่า หากในอนาคตมนุษย์สามารถติดต่อกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวได้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าจะมีความเป็นไปได่ของการทำธุรกรรมทางด้านเศรษฐกิจกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก แนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจนอกโลกทำให้เกิดคำถามมากมาย เช่น ทรัพยากรใดที่มนุษย์ต่างดาวสนใจในการซื้อขาย? เราจะใช้สกุลเงินใดในการทำธุรกรรมเหล่านี้ และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อระบบเศรษฐกิจของโลก
ในมุมมองของศ.เซแกน เชื่อว่าทรัพยากรที่มีค่าของมนุษย์ในสายตาเพื่อนต่างดาวที่อาจสนใจคือ น้ำ ซึ่งน้ำมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างที่เราทราบกันดี และเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดบนดาวเคราะห์หลายดวง ตัวอย่างเช่น การค้นพบน้ำบนดวงจันทร์เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เพิ่มความเป็นไปได้ในการใช้เป็นทรัพยากรสำหรับภารกิจบนดวงจันทร์ในอนาคต หากมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกและพบว่าทรัพยากรน้ำของเราอุดมสมบูรณ์ พวกเขาอาจยอมแลกทรัพยากรหรือเทคโนโลยีที่มีค่าเพื่อเข้าถึงสินค้าล้ำค่านี้
ทรัพยากรที่มีค่าอีกอย่างหนึ่งของมนุษย์บนโลกคือ บรรดาแร่ธาตุและโลหะหายาก ดาวเคราะห์น้อยและวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ จำนวนมากอุดมไปด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เงิน และทองคำขาว ทรัพยากรเหล่านี้อาจมีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกเช่นเดียวกับมนุษย์ และการค้าระหว่างทั้งสองอาจเป็นประโยชน์ร่วมกัน
สำหรับสกุลเงิน เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสิ่งนี้อาจอยู่ในรูปแบบใด เงินเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ และเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวอาจมีระบบการแลกเปลี่ยนที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจสนใจซื้อขายสินค้าหรือเทคโนโลยีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะใช้สกุลเงินที่เราใช้กันบนโลก
อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์ดังก็ตั้งคำถามต่อแนวคิดเรื่องเศรษฐศาสตร์นอกโลก เช่นกันว่าอาจก่อให้เกิดข้อถกกเถียงทางจริยธรรมได้ อาทิ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าการค้าขายใดๆ กับมนุษย์ต่างดาวนั้นยุติธรรมและเสมอภาค? เราจะหลีกเลี่ยงการเอารัดเอาเปรียบสังคมที่ก้าวหน้าน้อยกว่าหรือถูกสังคมที่ก้าวหน้ากว่าเอาเปรียบได้อย่างไร? คำถามเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะติดต่อค้าขายกัน
แนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์นอกโลกทำให้เกิดคำถามมากมาย เช่น ทรัพยากรใดที่มนุษย์ต่างดาวสนใจในการซื้อขาย? อาจใช้สกุลเงินใดในการทำธุรกรรมเหล่านี้ และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจของโลก
ทรัพยากรที่มีศักยภาพอย่างหนึ่งที่มนุษย์ต่างดาวอาจสนใจคือน้ำ น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างที่เราทราบกันดี และเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดบนดาวเคราะห์หลายดวง ตัวอย่างเช่น การค้นพบน้ำบนดวงจันทร์เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เพิ่มความเป็นไปได้ในการใช้เป็นทรัพยากรสำหรับภารกิจบนดวงจันทร์ในอนาคต หากมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกและพบว่าทรัพยากรน้ำของเราอุดมสมบูรณ์ พวกเขาอาจยอมแลกทรัพยากรหรือเทคโนโลยีที่มีค่าเพื่อเข้าถึงสินค้าล้ำค่านี้
ทรัพยากรที่มีศักยภาพอีกอย่างคือแร่ธาตุและโลหะ ดาวเคราะห์น้อยและวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ จำนวนมากอุดมไปด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เงิน และทองคำขาว ทรัพยากรเหล่านี้อาจมีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกเช่นเดียวกับมนุษย์ และการค้าระหว่างทั้งสองอาจเป็นประโยชน์ร่วมกัน
สำหรับสกุลเงิน เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสิ่งนี้อาจอยู่ในรูปแบบใด เงินเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ และเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวอาจมีระบบการแลกเปลี่ยนที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจสนใจซื้อขายสินค้าหรือเทคโนโลยีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะใช้สกุลเงินอย่างที่เราทราบกันดี
แนวคิดเรื่องเศรษฐศาสตร์นอกโลกทำให้เกิดคำถามทางจริยธรรมเช่นกัน เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าการค้าขายใดๆ กับมนุษย์ต่างดาวนั้นยุติธรรมและเสมอภาค? เราจะหลีกเลี่ยงการเอารัดเอาเปรียบสังคมที่ก้าวหน้าน้อยกว่าหรือถูกสังคมที่ก้าวหน้ากว่าเอาเปรียบได้อย่างไร? คำถามเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะมีการซื้อขายเกิดขึ้น
'เนวาดา'สร้างเศรษฐกิจจากยูเอฟโอ
แม้ว่าแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์นอกโลกอาจยังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่สำหรับรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของ Area 51 ตลอดจนมีทฤษฏีสมคบคิดเกี่ยวกับยูเอฟโอมากมาย ทำให้รัฐเนวาดาถือเป็นเพียงรัฐเดียวในสหรัฐ ที่มีกิจกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับยูเอฟโอ จนสร้างเม็ดเงินให้กับท้องถิ่นจำนวนมาก จนถึงขั้นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาท้องถิ่นเสนอให้ผู้ว่าการรัฐเนวาดา สร้างเศรษฐกิจยูเอฟโอ เพื่อใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและโอกาสทางธุรกิจจากทฤษฏีสมคบคิดดังกล่าว
ที่รัฐเนวาดา มีเส้นทางที่เรียกว่า Extraterrestrial Highway Road Trip เป็นเส้นทางไฮเวย์จากเมืองลาส เวกัส ไปยังเมือง Tonopah, บนทางหลวงรัฐสาย state route 375 ซึ่งตลอดเส้นทางจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับเอเลี่ยนและยูเอฟโอมากมาย ตั้งแต่โรงแรมเอเลี่ยน จุดชมวิว Area 51 ร้านค้าที่ขายสินค้าเกี่ยวกับเอเลี่ยน จนถึงตู้จดหมายเอเลี่ยน (The Black Mailbox) ที่เชื่อว่ามนุษย์สามารถส่งจดหมายถึงเอเลี่ยนได้ เส้นทางความยาว 158 กิโลเมตรนี้ ได้กลายเป็นทางหลวงที่บรรดาผู้คลั่งไคล้สิ่งมีชีวิตนอกโลกตามมาท่องเที่ยวกันอย่างแพร่หลายคาดว่ามีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าว ขั้นที่ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นเนวาดายกให้ทางหลวงนี้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเอเลี่ยนตั้งแต่ปี 1996
ไม่เพียงแค่แหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น ด้วยความที่เนวาดามีชื่อเสียงเกี่ยวกับเอเลี่ยน ทำให้ที่ผ่านมารัฐนี้ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเอเลี่ยนในหลายเรื่อง อาทิ Race to witch mountain ขณะเดียวกันที่เมืองลาส เวกัส ยังเป็นสถานที่ใช้จัดงานประชุมนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเอเลี่ยนในหลายครั้ง อาทิ International UFO Congress จนถึง UFO Mega Conference
แม้ว่าแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจจากต่างดาวจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ท่ามกลางการสำรวจเอกภพของมนุษย์ที่ยังคงไม่หยุดนิ่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์คงได้มีปฏิสัมพันธ์กับต่างดาวในอีกไม่นาน