นี่คือเจ้าอาณาจักรจีนเทา 'สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง' ที่จีนจะกวาดล้างให้สิ้น

นี่คือเจ้าอาณาจักรจีนเทา 'สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง' ที่จีนจะกวาดล้างให้สิ้น
เปิดเจ้าอาณาจักรจีนเทา 'สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง' ขุนศึกเจ้าสัวและเสี่ยใหญ่ที่จีนจะกวาดล้างให้สิ้น

นี่คือภาคต่อของรายงานเรื่อง ""ชดใช้ด้วยเลือด" ถ้าไม่หยุดหนุนจีนเทา ล้างบาง' สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมียนมาภาคเหนือ' ซึ่งโหมโรงด้วยการเผยแพร่คลิปคำสารภาพของสมาชิกระดับ "คุณชาย" สามในสี่คนของตระกูลหลักสี่ตระกูลในเขตปกครองตนเองโกกั้งในภาคเหนือของเมียนมา

มาถึงตอนนี้ สิ่งที่ทุกคนอยากรู้ที่สุดคงจะเป็นคำถามที่ว่า "'สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมียนมาภาคเหนือ' หรือ 'สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง' มีใครบ้าง?" 

โกกั้งคืออะไรและเป็นมาอย่างไร?
โกกั้ง หรือ กั๋วก่าน (果敢) ตั้งอยู่ที่ชายแดนเมียนมากับจีน ในยุคศักดินาเป็นฐานที่มั่นไกลสุดของจีนโดยส่งกองกำลังจากส่วนกลางมาประจำการที่นี่ ต่อมาในช่วงเปลี่ยนราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ชิง มีชาวจีนฮั่นจำนวนมากหนีความวุ่นวายของสงครามมาตั้งหลักที่นี่ จนประชากรส่วนใหญ่เป็นคนจีนฮั่น

ต่อมาเมื่อราชวงศ์ชิงแข็งแกร่งขึ้น ผู้นำโกกั้ง คือคนของตระกูลหยางจึงสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักชิง และได้รับพระราชทานตำแหน่งให้เป็นผู้ปกครองโกกั้ง คนตระกูลหยางได้เป็นผู้ปกครองโกกั้งสืบต่อมาจนกระทั่งในยุคสมัยใหม่ ชาวอังกฤษเข้ามายึดเมียนมาเป็นอาณานิคมและในจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองและราชวงศ์ชิงสิ้นสุดลง แต่ผู้ปกครองตามชายแดนยูนนานและเมียนมาที่เป็นเจ้าศักดินาก็ยังดำรงตำแหน่งต่อไป และพื้นนี้ก็ยังเป็นดินแดนที่ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่ 

จนกระทั่งเมื่อเมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษ ผู้ปกครองโกกั้งเลือกที่จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเมียนมา เพราะจะได้มีอำนาจปกครองตนเองต่อไป (ส่วนในจีนหลังเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบคอมมิวนิสต์บรรดาเจ้าศักดินาชาติพันธุ์ต่างๆ จะถูกปลดจากตำแหน่งทั้งหมด) แต่การตัดสินใจของขุนศึกตระกูลหยางเป็นเรื่องที่ผิดพลาด เพราะกองทัพเมียนมายึดอำนาจ และไม่ยอมให้ชาติพันธุ์ต่างๆ ปกครองตนเองตามสัญญา นำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อจนถึงทุกวันนี้ 

ในขณะที่กองทัพชาติพันธุ์ต่างๆ ต้องหาเงินมาสร้างกองทัพ หลายกลุ่มพึ่งพาธุรกิจยาเสพติด โกกั้งก็เช่นกัน จากธุรกิจยาเสพติด ก็พัฒนาเป็นธุรกิจคาสิโน จากคาสิโนก็เป็นธุรกิจจีนเทาฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์ 

ในช่วงรุ่งเรืองธุรกิจจีนเทาทำเงินมหาศาล
Pheonix News  เรียกโกกั้งว่าเป็น "อาณาจักรฉ้อฉลอิเล็กทรอนิกส์" (电诈王国) หรือพูดง่ายๆ คือ "อาณาจักรธุรกิจจีนเทา" และสื่อรายนี้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอิทธิพลในโกกั้งกับธุรกิจพวกนี้เอาไว้สั้นๆ ว่า  

"ขุนศึกต้องทำเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีทหาร ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีอาวุธ ด้วยเหตุนี้ ด้วยการสนับสนุนของขุนศึก ภาคเหนือของเมียนมาจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยาหลักสามแห่งของโลกและเป็นคลังยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อชาวจีน"

คำบรรยายนี้สรุปความเป็น "อาณาจักรจีนเทา" ของโกกั้งได้ดีที่สุด

หลิวเจิ้งฉี หนึ่งในประมุขของสี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้งเคยเผยกับสื่อเมื่อ 10 ปีก่อน ช่วงที๋โกกั้งยังไม่เป็นศัตรูกับจีนแบบชัดแจ้งขนาดนี้ เขาบอกว่า หลังจากการห้ามปลูกฝิ่น โกกั้งต้องอาศัยอุตสาหกรรมการพนันและอุตสาหกรรมปลูกอ้อยเป็นหลัก อุตสาหกรรมปลูกอ้อยเพียงอย่างเดียวมีผลจำกัด อุตสาหกรรมการพนันมีการจ้างงาน 15,000 ถึง 20,000 คน คิดเป็นประมาณ 1/3 ของการจ้างงานในท้องถิ่นทั้งหมด "ในส่วนของอุตสาหกรรมพนันนั้น จริงๆ แล้วเราไม่อยากทำเช่นนั้น แต่เพื่อการดำรงชีวิตของผู้คน เราไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในขณะนี้"

ในเวลานั้น เงินเดือนของข้าราชการสามัญในโกกั้งได้มากกว่า 1,000 หยวน และเงินเดือนของเสมียนสามัญในคาสิโนมากกว่า 2,000 หยวน  

ถามว่าใครที่อยากจะเป็นข้าราชการกันอีก?

สี่ตระกูลใหญ่ที่คุมอาณาจักรคือใคร?
โกกั้งมีตระกูลใหญ่ที่ควบคุมการเมือง การทหาร และธุรกิจอยู่สี่ตระกูล คือ ตระกูลไป๋ ตระกูลเว่ย ตระกูลหลิว และตระกูลหมิง

ในสี่ตระกูลนี้ "ผู้อาวุโส"  ได้แก่ ตระกูลไป๋ คือไป๋สั่วเฉิง  ตระกูลเว่ย คือเว่ยเชาเหริน  ตระกูลหลิว คือหลิวกั๋วสี่ และหลิวอาเป่า และตระกูลหมิง ซึ่งถือเป็น "ดาวรุ่ง" แต่ตอนนี้กลายเป็น "ดาวร่วง" ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะถูกรวบตัวโดยทางการจีนไปทั้งโขยง ตั้งแต่ผู้อาวุโส คือ หมิงเสวียชาง และสมาชิกชั้นนำคนอื่นๆ

ตระกูลไป๋ ผู้คุมกฎแห่งโกกั้ง
ศูนย์กลางอำนาจของตระกูลนี้อยู่ที่ ไป๋สั่วเฉิง ซึ่งผงาดขึ้นมาสในปี พ.ศ. 2535 เมื่อเขาเข้าร่วมในศึกแย่งชิงอำนาจในเขตโกกั้ง โดยช่วยเหลือฝ่ายของ เผิงเจียเซิง ในการขับไล่ หยางเม่าเหลียง ออกจากตำแหน่งผู้นำของกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยสัญชาติเมียนมาร์ (MNDAA) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติด ศึกชิงอำนาจครั้งนั้นจบลงด้วยการสิ้นอำนาจของผู้นำทั้งสอง เพราะต่อมา หยางเม่าเหลียง ถูกทางการจีนจับได้และประหารชีวิตในข้อหายาเสพติด ส่วน เผิงเจียเซิง ถูกทหารเมียนมาบุกเข้ามาจับยาเสพติดถึงบ้านพัก แต่ตัวเขาเองไม่ได้ล้มเพราะทหารเมียนมา แต่ถูกขับจากอำนาจโดยคนที่เคยหนุนเขามาก่อน นั่นคือ ไป๋สั่วเฉิง 

หลังความขัดแย้งครั้งนั้น ไป๋สั่วเฉิง ก็สวามิภักดิ์กับกองทัพเมียนมา และแตกกลุ่มของ MNDAA ออกมาเป็น  Border Guard Force หน่วยทหารชายแดนที่ขึ้นกับกองทัพเมียนมา และ ไป๋สั่วเฉิง ยังได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.ในระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมา พ.ศ. 2553 และกลายเป็นหัวหน้าคนแรกของเขตปกครองตนเองโกกั้ง แต่ภายใต้การปกครองของเขา โกกั้งมีชื่อในเรื่องแหล่งค้ายาเสพติดและอาวุธ และต่อมากลายเป็นแหล่งทำธุรกิจฉ้อโกงออนไลน์ "จีนเทา" 

การชิงอำนาจในโกกั้งมีอยู่สูง ไป๋สั่วเฉิง เองไม่ได้รับความนิยมมากนัก และเคยถูกลอบสังหารในเดือนมีนาคม 2555 แต่รอดมาได้ 

ตระกูลเว่ย เจ้าสัวสีเทาที่มีกองทัพในมือ
ร่ำลือกันว่าตระกูลเว่ยเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทเฮิงลี่ (亨利集团) และยังเป็นตระกูลเดียวที่ควบคุมกำลังทหาร เพราะน้องชายของ เว่ยเชาเหริน ซึ่งประมุขของตระกูลเป็นผู้ควบคุมกองกำลังทหารชายแดน

กลุ่มบริษัทเฮิงลี่ดำเนินธุรกิจโรงแรม ความบันเทิง และอุตสาหกรรมการพนันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุตสาหกรรมขยายไปยังกัมพูชาและไทย แต่สื่อในจีนแฉว่ากลุ่มบริษัทเฮิงลี่ดำเนินธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และจิวเวลรี่เป็นการบังหน้า แต่เบื้องหลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสีเทา เช่น การฉ้อโกง การฉ้อโกงด้านโทรคมนาคมและออนไลน์ และการพนัน

ในปี 2564 มีข่าวว่าตระกูลไป๋ และตระกูลเว่ยต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงแหล่งธุรกิจจีนเทาที่ทำการฉ้อโกงอิเล็กทรอนิกส์/ออนไลน์และพนักงานในธุรกิจเหล่านี้ และทั้งสองฝ่ายยังแย่งชิง "ช่างเทคนิค" ในการทำธุรกิจฉ้อโกงด้วย การปะทะล่าสุด เกิดขึ้นในตอนเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เกิดการยิงกันอย่างดุเดือดใกล้กับกลุ่มบริษัทของตระกูลเว่ย ว่ากันว่าตระกูลไป๋เป็นฝ่ายล้างแค้นตระกูลเว่ยที่เป็นฝ่ายทรยยศ  

ตระกูลหลิว นักบัญชีแห่งโลกใต้ดิน
"ประมุข" ของตระกูลหลิวแห่งโกกั้ง คือ ชายที่ชื่อ หลิวกั๋วสี่ ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยของไป๋สั่วเฉิง หลิวกั๋วสี่ ไม่มีข้อมูลสาธารณะมากนัก แต่เป็นที่รู้กันว่าทำธุรกิจเหมืองแร่ แต่จากข้อมูลของ เบอร์ทิล ลินต์เนอร์ (Bertil Lintner) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หลิวกั๋วสี่ มีบทบาทสำคัญในการจัดการผลกำไรจากยาเสพติดเพราะมีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหาร  ลินต์เนอร์ ใช้คำกล่าวว่า หลิวกั๋วสี่ นั้น “บริหารเรื่องเฮโรอีนให้กับชาวโกกั้งมานานหลายปีต่อหลายปี” และโดยบทบาทแล้ว “หลิวเป็นนักบัญชีประเภทหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือดูแลเงินทุนจากธุรกิจยาเสพติด”

แต่ตระกูลหลิวยังมี "รองประมุข" ด้วย คือ หลิวอาเป่า ถือชายที่ร่ำรวยที่สุดในโกกั้ง มีบริษัทอยู่ในมือ คือกลุ่มบริษัทฝูลี่ไหล (福利来集团) ของครอบครัวตระกูลหลี่ ซึ่งดำเนินกิจการคาสิโน อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพรัฐบาลเมียนมาร์ และมีอิทธิพลในพื้นที่ในเมืองเล่าก์ก่าย (ซึ่ง ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เมืองเล่าก์ก่ายถูกโจมตีโดยกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพ) 

ตระกูลหมิง เสือหมอบแห่งโกกั้ง
สื่อจีนบางแห่งไม่ถือว่าตระกูลหมิงเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง แต่ว่ากันด้วยความความร่ำรวยและอิทธิพลแล้วก็น่าจะถือว่าเป็นหนึ่งในบ้านใหญ่แห่งโกกั้งได้เหมือนกัน ประมุขของตระกูลนี้คือ หมิงเสวียชาง เป็นอดีตหัวหน้าเขตโกกั้ง อดีตสมาชิกรัฐสภาแห่งรัฐฉานของเมียนมา และอดีตสมาชิกคณะกรรมการผู้นำเขตปกครองตนเองโกก้าง 

ที่โกกั้งมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องกิจกรรมดำมืด นั่นคือ "คฤหาสน์เสือหมอบ" (卧虎山庄) ซึ่งว่ากันว่าเป็นของหมิงเสวียชาง แต่หมิงเสวียชางปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้ "คฤหาสน์เสือหมอบ" มีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะในเดือนตุลาคม มีปฏิบัติการร่วมกวาดล้างธุรกิจจีนเทาที่นี่ พบคนจีนจำนวนมากทำงานธุรกิจจีนเทาที่นี่ และยังพบศพสี่ศพ ซึ่งร่ำลือกันว่าอาจเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของจีนที่ "ถูกเก็บ" ระหว่างช่วยคนจีนออกจากที่นี่ 

กรณีนี้เป็นที่ร่ำลือกันมากในจีน และเรียกว่ากันว่า "กรณี 1020" จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 สมาชิกสี่คนของตระกูลหมิงก็ถูกตำรวจจีนออกหมายจับเนื่องจากต้องสงสัยว่าจัดตั้งและเปิดแหล่งซ่องสุมธุรกิจฉ้อโกงและให้ความคุ้มครองกลุ่มฉ้อโกง หรือ "จีนเทา" ด้วยอาวุธอย่างเปิดเผย 

นี่คือเบื้องหลังคร่าวๆของ "สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง" ซึ่งไม่ได้ใหญ่แค่ในโกกั้ง แต่ยังใหญ่ในเมียนมา มีอิทธิพลในเมืองไทย และส่งผลสะเทือนต่อชีวิตของคนจีน 

สิ่งที่เกิดขึ้นในโกกั้งจึงเป็นเรื่องที่ประทบต่อคนไทยโดยตรง เราจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิด

รายงานพิเศษโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - เว่ยเชาเหริน ภาพจาก Sohu

TAGS: #จีนเทา #โกกั้ง #เมียนมา