ศึกชิงเจ้า EV ระอุ สหรัฐฯ ออกกฎขวางจีนสกัดไม่ให้เป็นเจ้าตลาด 

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมตามเวลาท้องถิ่น (หรือวันที่ 2 ธันวาคมตามเวลาประเทศไทย) สหรัฐฯ ประกาศข้อเสนอออกกฎหมายว่ารัฐบาลจะนิยามบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในหรือเป็นเจ้าของหรือควบคุมโดยจีน รัสเซีย อิหร่าน หรือเกาหลีเหนือ ว่าเป็น "หน่วยงานต่างประเทศที่น่ากังวล" ซึ่งจะเข้าข่ายกีดกันไม่ให้นำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านี้ โดยการควบคุมการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV จากการรายงานของ BBC

การนิยามนี้จะสอดคล้องกับกฎหมายสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ จะอัดฉีดเพื่อส่งเสริมการลงทุนของเอกชนเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะห้ามไม่ให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตนอกประเทศได้รับการลดหย่อนหรือผลประโยชน์ด้านภาษี

แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป กฎหมายยังห้ามรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่ให้มีสิทธิ์ได้รับเครดิตภาษี หากรถยนต์เหล่านั้นมีส่วนประกอบแบตเตอรี่ที่ผลิตหรือประกอบโดย "นิติบุคคลต่างประเทศที่น่ากังวล" ซึ่งหมายถึงประเทศจีนและคู่กรณีอื่นๆ ของสหรัฐฯ 

การควบคุมจะขยายวงไปเรื่อยๆ ภายในปี 2025 ข้อจำกัดจะขยายไปยังรถยนต์ที่มีวัสดุสำคัญที่สกัด แปรรูป หรือรีไซเคิลโดยหน่วยงานที่มาจากจีน และคู่กรณีอื่นๆ ของสหรัฐฯ 

สำหรับมาตรฐานในการตรวจสอบว่า "นิติบุคคลต่างประเทศที่น่ากังวล" หรือหน่วยงานที่มาจากจีนนั้นเข้าข่ายจะต้องกีดกันหรือไม่ สหรัฐฯ ได้ตั้งระเบียบเอาไว้ว่าบริษัทใดก็ตามที่รัฐบาลของประเทศจีน (และรัสเซีย อิหร่าน หรือเกาหลีเหนือ) ถือหุ้นในคณะกรรมการตั้งแต่ 25% ขึ้นไปจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องกีดกัน 

นี่เป็นความพยายามของนักการเมืองของสหรัฐฯ ที่จะขัดขวางไม่ให้จีนเป็นเจ้าตลาด EV โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน สมาชิกพรรครีพับลิกัน 3 คนที่นำโดยวุฒิสมาชิกรัฐลุยเซียนา บิล แคสซิดี้ เสนอกฎหมายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง

แต่ Politico สื่อการเมืองในสหรัฐฯ ชี้ว่าการผลักดันกฎหมายนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐฯ จากการแข่งขันจากประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ โดยใช้ช่องโหว่ที่จีนที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมหละหลวม

Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP