'เสี่ยแป้ง'หนีไปอาเจะห์? วิเคราะห์ 'เส้นทางโจรสลัด' ข้ามจากไทยไปเกาะสุมาตรา 

'เสี่ยแป้ง'หนีไปอาเจะห์? วิเคราะห์ 'เส้นทางโจรสลัด' ข้ามจากไทยไปเกาะสุมาตรา 
เสี่ยแป้งหนีไปอาเจะห์? จะเป็นไปได้ไหม ข้ามจากไทยไปเกาะสุมาตราของอินโดฯ 

ในขณะที่ "เสี่ยแป้ง" หรือ "แป้ง นาโหนด" หรือนายเชาวลิต ทองด้วง  นักโทษก่อเหตุหลายคดีสำคัญ กำลังหลบหนีการจับกุมและอกมาแฉไม่หยุด จนสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการยุติธรรมของบ้านเรา ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสื่อต่างๆ ว่าเสี่ยแป้งได้หลบหนีจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว 

รายงานระบุว่า เสี่ยแป้งหลบหนีโดยใช้สปีดโบ๊ตแล่นข้ามจากฝั่งจังหวัดสตูลไปยังเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีผู้มีอิทธิพลทั้งฝั่งไทยและอินโดนีเซียเคยประสานงานให้ความช่วยเหลือ บางรายงานข่าวระบุเฉพาะเจาะจงลงไปว่าเสี่ยแป้งหนีไปถึงจังหวัดอาเจะห์ ทางตอนเหนือสุดของเกาะสุมาตรา

เปิดเส้นทางที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง
ในขณะที่สื่อต่างๆ รายงานเรื่องการหลบหนีของเสี่ยแป้ง เราจะมาสำรวจดูเส้นทาง "สตูล-สุมาตรา" ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นกัน เพราะเมื่อพูดถึง "ช่องทางธรรมชาติ" ที่ผู้หนีคดีทั้งหลายในไทยใช้เผ่นออกจากประเทศ เรามักจะนึกถึงช่องทางที่มุ่งไปยังกัมพูชา ลาว หรือเมียนมา แต่น้อยคนจะทราบว่า การหลบหนีไปยังอินโดนีเซียก็เป็นไปได้เช่นกัน 

แม้ว่าประเทศไทยและอินโดนีเซียจะไม่มีพรมแดนทางบกติดต่อกัน และดูเหมือนจะไกลจากกันพอสมควร แต่สามารถเดินทางด้วยเรือไปถึงได้ในเวลาชั่ววัน โดยสิ่งที่ขวางกั้นทั้งสองประเทศเอาไว้ คือ ช่องแคบมะละกา 

เส้นทางระหว่าง "สตูล-สุมาตรา" หรือ อาจรวมถึง "ภูเก็ต-สุมาตรา" เป็นเส้นทางที่ใช้กันทั้งในเรื่องถูกกฎหมายและเรื่องผิดกฎหมาย ในหมู่นักล่องเรือยอทช์มีผู้ใช้เส้นทางนี้อยู่ แม้แต่ผู้อพยพชาวโรฮิงจาก็มักจะล่องเรือผ่านมาถึงไทยและอาเจะห์ เนื่องจากมีน่านน้ำที่ใกล้เคียงกัน ด้วยความที่ใกล้เคียงกันมาก ทำให้เรือประมงจากไทยมักล่วงล้ำเข้าไปในอาเจะห์ และเรือประมงอาเจะห์ล้ำเข้ามาในไทย จนเป็นปัญหาของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทั้งสองประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีบริการเดินเรือสาธารณะโดยตรงจากไทยไปยังอินโดนีเซีย บริการที่นิยมกันคือเส้นทางบัตเตอร์เวิร์ธ-ปีนัง-เมดาน ซึ่งเป็นเส้นทางเรือเฟอร์รี่จากปีนัง ประเทศมาเลเซีย ไปยังเมืองเมเดาน เมืองสำคัญของเกาะสุมาตรา ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ของจังหวัดอาเจะห์ 

แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเส้นทางหลบหนีของเสี่ยเแป้งนั้นอันตรายสุดๆ ขนาดที่นิตยสาร Times เรียกว่าเป็น "The Most Dangerous Waters in the World"  (น่านน้ำที่อันตรายที่สุดในโลก)

มันไม่ง่ายเพราะคือน่านน้ำแห่งโจรสลัด
น่านน้ำของช่องแคบมะละกา แม้ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเรือระดับโลก แต่มีปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ให้หายขาด คือปัญหาเรื่องโจรสลัด นั่นหมายความว่าน่านน้ำแถบนี้อยู่ในกำมือของกลุ่มนอกกฎหมาย และถ้ามีเส้นสายในโลกมืด ก็ไม่ยากนักหากจะติดต่อคนเหล่านี้ให้ช่วยพาตัวจากไทยไปยังเกาะสุมาตรา

ปัญหาโจรสลัดบริเวณสุมาตราและมะละกาเคยเป็นเรื่องระดับโลกมาแล้ว สำนักงานการเดินเรือระหว่างประเทศ (IMB) เคยรายงานว่าในปี 2547 การโจมตีของพวกโจรสลัดในภูมิภาคนี้มีสัดส่วนถึง 40% เมื่อเทียบกับทั่วโลก IMB รายงานในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ว่าอินโดนีเซียยังคงเป็นภูมิภาคที่ถูกโจรสลัดโจมตีมากที่สุดในโลกด้วยการโจมตี 37 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2550 

ปัญหานี้ร้ายแรงมาก จนกระทั่งกองทัพเรือประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ และจีนต้องส่งกองเรือมาอารักขาเรือสินค้าที่ผ่านจากสุมาตราเข้ามาช่องแคบมะละกา ซึ่งช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาก แต่ปัญหาโจรสลัดก็ยังไม่หมดไป เช่น เมื่อปี 2563 ชายชาวออสเตรเลียได้รับการช่วยเหลือจากน่านน้ำเมืองลัมปุง บนเกาะสุมาตรา หลังจากเรือยอทช์ของเขาถูกปล้นโดยพวกโจรสลัด กรณีนี้สะท้อนว่า ถ้าล่องเรือโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ไปยังสุมาตรา ก็เสี่ยงที่จะถูกโจรสลัดเล่นงานเอาได้ "ยกเว้นว่าได้รับการคุ้มครองจากโจรสลัด"

ในเดือนพฤษภาคม 2566 บทความทัศนะในสื่อของอินโดนีเซีย คือ The Jakarta Post ระบุว่า "เหตุการณ์การโจรสลัดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาในช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือเชิงพาณิชย์ที่พลุกพล่านที่สุดในโลก กำลังน่าตกใจในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดที่คุกรุ่นในทะเลจีนใต้ที่อยู่ติดกัน โจรสลัดที่ไม่ได้รับการควบคุมสามารถให้อำนาจสำคัญๆ เช่น จีนและสหรัฐฯ มีเหตุผลในการส่งเสริมการแสดงตนทางเรือของพวกเขาทั้งในและรอบๆ ช่องแคบ เพียงแต่จะทำให้ความมั่นคงในภูมิภาคตกอยู่ในความเสี่ยง"

บทความทัศนะนี้มองว่าปัญหาโจรสลัดในช่องแคบมะละกายังรุนแรง และที่จริงมันแรงขึ้นด้วย แต่ผู้เขียนยังกลัวว่า เมื่อโจรสลัดยังป้วนเปี้ยนแถวนี้ พวกชาติมหาอำนาจก็จะอ้างสิทธิในการส่งกำลังทหารมาคุ้มครองแถบนี้ได้ ซึ่งจะกระทบต่ออาเซียนทั้งภูมิภาค

เป็นไปได้ไหมที่โจรสลัดจะช่วยเสี่ยแป้ง?
เราไม่มีข้อมูลนี้ แต่จากการรายงานของสื่อในไทยระบุว่า ผู้ที่อำนวยความสะดวกให้เสี่ยแป้ง คือผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับค้าทางเรือกับประเทศเพื่อนบ้าน และเสี่ยแป้งได้รับความคุ้มครองจากอดีตนายทหารของประเทศเพื่อนบ้านหลังจากเดิมทางไปถึงจุดหมายแล้ว 

เป็นที่ทราบกันว่าภาคใต้ของไทยอุดมไปด้วยการลักลอบสินค้าเถื่อน ธุรกิจแบบนี้จะทำไม่ได้หากขาดเส้นสายในหมู่โจรสลัดและคนในเครื่องแบบที่เกี่ยวข้องกับโจรสลัด 

บทความใน The Jakarta Post เผยว่า "คนมีสี" ในอินโดนีเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกโจรสลัดด้วย บทความกล่าววว่า "ในส่วนของรัฐบาลจาการ์ตาได้เพิ่มมาตรการเพื่อขจัดโจรสลัดทางทะเล แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายเลย เนื่องจากอาชญากรถูกสงสัยว่าได้รับการสนับสนุน (แต่ไม่ถึงขั้นได้รับการปกป้อง) จากฝ่ายที่ไม่ปรากฏชื่อ รวมถึงพวกนอกลู่นอกทางภายในกองทัพเรืออินโดนีเซีย"

จากข้อมูลนี้ เป็นส่วนเสริมข้อมูลเรื่องการหลบหนีของเสี่ยแป้งซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากนายทหารยศสูงของประเทศเพื่อนบ้าน และทหาร (บางคน) ของประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้มีเรื่องอื้อฉาวว่าอาจจะคอยคุ้มหัวพวกโจรสลัดอยู่ 

เสี่ยแป้งหนีข้ามทะเลจากน่านน้ำที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงที่ความอันตรายจากโจรสลัดกำลังเลวร้ายลงทุกที ข้อมูลจากสื่ออินโดนีเซียระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของปีนี้เพียงปีเดียว มีรายงานเหตุการณ์การปล้นด้วยอาวุธต่อเรือในช่องแคบมะละกา 25 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบเป็นรายปี

การหนีข้ามทะเลที่อันตรายแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องปลอดภัยที่สุดในทันที หากมีเงื่อนไขต่อไปนี้ คือ คนๆ นั้นมีเส้นสายกับพวกที่คุ้มหัวโจรสลัดเอาไว้ และมีสัมพันธ์กับคนที่ค้าขายทางทะเลที่อาจเกี่ยวกับกาารค้าผิดกฎหมาย 

ข้อมูลเรื่องการหลบหนีของเสี่ยแป้งดูจะเข้าทางนี้ไปหมด

บทวิเคราะห์โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
 

TAGS: #เสี่ยแป้ง #แป้งนาโหนด #สุมาตรา #อาเจะห์ #อินโดนีเซีย