การเมืองจะวุ่นหรือเศรษฐกิจจะพัง? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทรัมป์ไม่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

การเมืองจะวุ่นหรือเศรษฐกิจจะพัง? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทรัมป์ไม่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
อ่านคำทำนายของเขาและบทวิเคราะห์ที่นี่ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทรัมป์ไม่ชนะเลือกตั้ง?

เบื้องหลังสถานการณ์

  • ปีนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2024 ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสี่ปีครั้งที่ 60 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2024 (พ.ศ. 2567)
  • ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเลือกประธานาธิบดีและรองประธานโดยมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต จะลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าไบเดน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน กำลังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 โดยหวังจะเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองที่มีวาระไม่ต่อเนื่องกัน
  • หากทรัมป์ชนะ เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สองที่ดำรงตำแหน่งซ้ำโดยมีวาระไม่ต่อเนื่องกัน ต่อจากอดีตประธานาธิบดี โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1885 - 1889 และ 1893 - 1897
  • หากทั้งไบเดนและทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคต้นสังกัดของแต่ละคนทั้งสองฝ่าย ก็จะถือเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยมีผู้ท้าชิงคู่เดิมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1956

ทรัมป์ทำนายผลการเลือกตั้งอย่างไร? 
โดนัลด์ ทรัมป์ แเตือนว่าเศรษฐกิจของประเทศจะล่มสลายหากเขาไม่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยโพสต์คำทำนายที่น่าตกตะลึงนี้บนแพลตฟอร์ม Truth Social ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริาทของเขา คือ Trump Media & Technology Group (TMTG)

ทรัมป์ บอกว่า “ที่ตลาดหุ้นอยู่ในระดับสูงเพียงเพราะผู้คน… คาดหวังว่าผมจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ถ้าผมไม่ชนะ ผมคาดการณ์ไว้ว่าเราจะมี 'ความล้มเหลว' ของตลาดหุ้นที่เลวร้ายยิ่งกว่าปี 1929 – ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่!!!”

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ Great Depression เกิดขึ้นระหว่างปี 1929–1939 (พ.ศ. 2472-2482) เป็นภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักที่ส่งผลกระทบต่อประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก โดบเริ่มขึ้นประมาณเดือนกันยายน 1929 และนำไปสู่การล่มสลายของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม หรือ Black Thursday

Great Depression เลวร้ายอย่างมากถึงขนาดที่ระหว่างปี 1929-32 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลดลงประมาณ 15% การค้าระหว่างประเทศลดลงกว่า 50% การว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 23% และในบางประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 33%

ทรัมป์บอกว่า สิ่งเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจ 'อยู่รอด' ได้คือความเกรี้ยวกราดของ "สิ่งที่เราทำได้สำเร็จระหว่างรัฐบาลทรัมป์ (สมัยที่แล้ว” และทรัมป์ยังกล่าวเสริมว่าภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อัตราเงินเฟ้อที่สูงได้ “ทำลายอำนาจการซื้อของผู้บริโภคโดยสิ้นเชิง”

ดูเหมือนว่าทรัมป์จะมุ่งเป้าโจมตีไบเดนที่แก้ปัญหาเงินเฟ้อไม่ได้ โดยเขาแย้งว่าสถิติเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลไบเดน ประเมินตัวเลขที่แท้จริงต่ำไปเกือบครึ่งหนึ่ง ข้อมูลของรัฐบาลไบเดนนั้นระบุว่าระดับราคาในตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 17% นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในปี 2021  แต่ทรัมป์อ้างวิธีการประเมินแบบเก่าที่พบว่าเงินเฟ้อสูงถึง 30% ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีภายใต้การบริหารของไบเดน  

บทวิเคราะห์สั้น 

  1. ไม่แน่ว่าการโจมตีของทรัมป์อาจไม่ใช่แค่การโจมตี แต่เป็นการมองสถานการณ์ปัจจุบันโดยเทียบกับอดีตที่เคยเลวร้ายอย่างมากมาก่อน มีหลายทฤษฎีที่เสนอที่มาของ Great Depression เช่น สำนักเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน (Austrian School) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อจากปริมาณเงินได้ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ (หุ้นและพันธบัตร) และสินค้าทุนพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่ยั่งยืน ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯใช้มาตรการทางการเงินเข้มงวดขึ้นในปี 1928 ก็สายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจหดตัว
  2. จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายกับในเวลานี้ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากที่ปล่อยให้กระแสเงินเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาวะซบเซาที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ไม่แน่ว่า ทรัมป์ อาจจะมองในแง่มุมนี้ ทำให้เขาเชื่อว่าถ้าปัญหาเงินเฟ้อที่แก้ไม่ตก อาจเป็นชนวนเหตุของ  Great Depression ครั้งใหม่ 
  3. แต่เขายังไม่ทิ้งนิสัยเดิมที่มักอวดตัวเองว่าเป็นปัจจัยด้านบวกของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ แม้แต่ตลาดหุ้นที่คึกคักก็เป็นผลมาจากความคาดหวังว่สเขาจะชนะเลือกตั้ง ท่าทีที่มั่นใจตัวเองจนเกินเหตุนี้ทำให้ลั่นนทอนความน่าเชื่อของเขาในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของโลก

Photo by SCOTT OLSON / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP

TAGS: #ทรัมป์ #เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ2024