ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของงานทั่วโลก แต่ยังมอบ "โอกาสอันยิ่งใหญ่" ในการเพิ่มระดับการผลิตที่ชะลอตัวลง และกระตุ้นการเติบโตทั่วโลก หัวหน้า IMF กล่าวกับ AFP
คริสตาลินา จอร์จีวา (Kristalina Georgieva) กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในการให้สัมภาษณ์ในกรุงวอชิงตัน ไม่นานก่อนจะเดินทางไปร่วมการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ไม่นาน AI จะส่งผลกระทบต่อ 60% ของงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว
เนื่องจาก AI คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยกว่าในประเทศกำลังพัฒนา ประมาณ "40% ของงานทั่วโลกจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบ" เธอกล่าว โดยอ้างถึงรายงานของ IMF ฉบับใหม่
“และยิ่งคุณมีงานที่มีทักษะสูงเท่าไร ผลกระทบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น” เธอกล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม รายงานของ IMF ที่เผยแพร่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 มกราคม ระบุว่า มีเพียงครึ่งหนึ่งของงานที่ได้รับผลกระทบจาก AI เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบในทางลบ ส่วนที่เหลืออาจได้รับประโยชน์จากการเพิ่มผลผลิตอันเนื่องมาจาก AI
“งานของคุณอาจหายไปโดยสิ้นเชิง – มันไม่ใช่เรื่องดี – หรือไม่ก็ปัญญาประดิษฐ์อาจปรับปรุงงานของคุณ ดังนั้นคุณจะมีประสิทธิผลมากขึ้นและระดับรายได้ของคุณอาจเพิ่มขึ้น” จอร์จีวา กล่าว
ผลกระทบที่ไม่สม่ำเสมอ
รายงานของ IMF คาดการณ์ว่า แม้ว่าตลาดแรงงานในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับผลกระทบเริ่มแรกน้อยกว่าจาก AI แต่ก็มีโอกาสน้อยที่จะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นที่จะเกิดขึ้นจากการบูรณาการในที่ทำงาน
“เราต้องมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือประเทศที่มีรายได้น้อยโดยเฉพาะให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นเพื่อให้สามารถคว้าโอกาสที่ปัญญาประดิษฐ์จะมอบให้เรา” จอร์จีวา กล่าวกับ AFP
“ปัญญาประดิษฐ์ก็น่ากลัวนิดหน่อย แต่มันก็เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนเช่นกัน” เธอกล่าว
IMF มีกำหนดจะเผยแพร่การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจฉบับอัปเดตในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกโดยกว้างๆ กำลังมาถูกทางตามการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เธอจอร์จีวา
เศรษฐกิจโลก “พร้อมสำหรับการลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing, หมายถึงการชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป” และเสริมว่า “นโยบายการเงินกำลังดำเนินไปด้วยดี อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง แต่งานยังไม่เสร็จสิ้นดีนัก”
“เราอยู่ในจุดที่ยากลำบากที่สุดในการที่จะต้องไม่ผ่อนคลาย (มาตรการการเงิน) เร็วหรือช้าเกินไป” เธอกล่าว
เศรษฐกิจโลกอาจเพิ่มผลผลิตที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI เนื่องจาก IMF คาดการณ์ว่า ในระยะกลางแล้วเศรษฐกิจโลกจะยังคงเติบโตต่อไปในระดับที่แผ่วเป็นประวัติการณ์
“ให้ตายเถอะ เราต้องการมันมากจริงๆ” จอร์จีวากล่าวโดยหมายถึงการใช้ศักยภาพของ AI “เว้นเสียแต่ว่าเราจะหาวิธีปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงาน ไม่อย่างนั้นเราทั้งโลกจะไม่มีทางพลกับเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้”
ปีนี้สถานการณ์'ยากลำบาก'
จอร์จีวากล่าวว่าปี 2024 น่าจะเป็น "ปีที่ยากลำบาก" สำหรับนโยบายการคลังทั่วโลก ในขณะที่ประเทศต่างๆ มองหาวิธีจัดการกับภาระหนี้ที่สะสมในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และสร้างบัฟเฟอร์ที่หมดลงขึ้นมาใหม่
ประชาชนหลายพันล้านคนมีกำหนดไปลงคะแนนเสียงในปีนี้ ทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มเติมต่อรัฐบาลในการเพิ่มการใช้จ่ายหรือลดภาษีเพื่อให้ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน
“ประมาณ 80 ประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้ง และเรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแรงกดดันต่อการใช้จ่ายในระหว่างรอบการเลือกตั้ง” เธอกล่าวเสริม
จอร์จีวากล่าวว่า ความกังวลของ IMF ก็คือรัฐบาลทั่วโลกใช้จ่ายจำนวนมากในปีนี้ และบ่อนทำลายความก้าวหน้าที่ได้มาอย่างยากลำบากในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่สูง
“หากนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น และนโยบายการคลังขยายตัวขึ้น ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ในการลดอัตราเงินเฟ้อ เราก็อาจจะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ยาวนานขึ้น” เธอกล่าวเสริม
ขอมุ่งมั่นกับการทำงาน
จอร์จีวา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำของ IMF วาระ 5 ปี ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในปีนี้ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าเธอตั้งใจจะลงสมัครรับตำแหน่งผู้นำสถาบันการเงินระหว่างประเทศเป็นครั้งที่สองหรือไม่
“ฉันมีงานที่ต้องทำตอนนี้ และฉันมีสมาธิกับการทำงานนั้น” เธอกล่าว
“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหัวหน้าของ IMF ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และฉันสามารถบอกคุณได้ว่าฉันภูมิใจกับวิธีที่สถาบันแห่งนี้รับมือ” เธอกล่าวต่อ
“แต่ขอให้ฉันทำสิ่งที่อยู่ข้างหน้าฉันตอนนี้ก่อน”
Report by Agence France-Presse
Photo by Kirill KUDRYAVTSEV / AFP