- มัลดีฟส์เป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ที่กลางมหาสมุทรอินเดีย ทางตอนเหนืออยู่ติดกับน่านน้ำของประเทศอินเดีย จึงมีความใกล้ชิดกับอินเดียอย่างมาก และยังต้องพึ่งพาหลายๆ อย่างจากอินเดีย เช่น น้ำจืดไปจนถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนที่นี่ ซึ่งถือว่ามีทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
- แต่จู่ๆ ก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมา ด้วยสาเหตุที่แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เดินทางเยือนเกาะลักษทวีปของอินเดียเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งหมู่เกาะแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับมัลดีฟส์ คือเป็นหมู่เกาะเล็ก มีทรายที่ขาวสะอาดกลางทะเลสีคราม เพียงแต่อยู่ทางเหนือขึ้นไปเล็กน้อย
- ปรากฎว่า การโปรโมทเกาะลักษทวีป (Lakshadweep) ของ โมดี ทำให้คนในรัฐบาลมัลดีฟส์ไม่พอใจขึ้นมา โดยมีรัฐมนตรีมัลดีฟส์ 3 คนแสดงความเห็นบนโซเชียลมีเดีย โดยโจมตี โมดี ว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” และ “ตัวตลก” (การที่บอกว่า โมดี เป็น "ผู้ก่อการร้าย" อาจเป็นเพราะชาวอินเดียแสดงท่าทีสนับสนุนอิสราเอล ขณะที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมเห็นอกเห็นใจคนปาเลสไตน์)
- คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างเดียวที่คนระดับรัฐมนตรีโพสต์อะไรแบบนี้พร้อมๆ กัน เพราะบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างมัลดีฟส์กับอินเดียไม่ค่อยจะราบรื่นมากนักในระยะหลัง ส่วนหนึ่งเพราะมัลดีฟส์หันไปสนิทสนมกับจีน ซึ่งเป็นคู่กรณีกับอินเดียในเรื่องพรมแดน และจีนยังต้องการท่าเรือในมหาสมุทรอินเดีย เช่นที่ศรีลังกาและมัลดีฟส์ ซึ่งอินเดียมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อตน
- หลังจากระเบิดความในใจออกไปแล้ว ความเห็นดังกล่าวก็ถูกลบไป แต่มันสายไปแล้ว เพราะมีคนอินเดียเห็น ให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านมัลดีฟอย่างรุนแรง เช่น แพลตฟอร์มการเดินทางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดียระงับการจองเที่ยวบินไปยังหมู่เกาะต่างๆ ของมัลดีฟส์ ส่วนประชาชนทั่วไปก็ประกาศว่าจะคว่ำบาตรการไปเที่ยวมัลดีฟส์ ซึ่งจะส่งผลกระทบมหาศาล เพราะนักท่องเที่ยวจากอินเดียถือเป็นรายได้หลักของประเทศ
- ที่สำคัญก็คือแคมเปญคว่ำบาตรมัลดีฟส์ ยังมีนักแสดงบอลลีวูดและนักคริกเก็ตชั้นนำของประเทศอินเดีย (ซึ่งถือเป็นกีฬายอดนิยมที่สุดของอินเดีย นักกีฬาคริกเก็ตถือเป็นไอดอล) ออกมาเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติคว่ำบาตรมัลดีฟส์ด้วยการไม่ไปเที่ยวที่นั่น แต่ให้เที่ยวใกล้ๆ บ้านแทน
- กระทรวงการต่างประเทศมัลดีฟส์ก็รีบกล่าวว่าความคิดเห็นดังกล่าว เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และไม่ได้เป็นตัวแทนของความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของรัฐบาล พร้อมกันนั้นรัฐมนตรีทั้ง 3 คนก็ถูกพักงาน กระนั้นก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของอินเดียก็ยังต้องเรียกตัวทูตมัลดีฟส์เรื่องโพสต์เจ้าปัญหาเหล่านั้น
- แต่เรื่องมันกลับบานปลายเข้าไปอีก เพราะแม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศจะพยายามดับไฟ แต่ผู้นำมัลดีฟส์ไม่ยอมให้เปลวไฟดับลง เพราะขณะที่ชาวอินเดียกับข่มขู่มัลดีฟส์ มัลดีฟส์ก็สั่งให้ทหารอินเดียที่ประจำการในประเทศเพื่อปฏิบัติกู้ภัยและช่วยเหลือ ต้องออกไปจากประเทศภายในเดือนมีนาคม ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยิ่งดิ่งเหวลงเข้าไปอีก
- ความจริงการตัดสินใจให้ทหารอินเดียออกไป ไม่เกี่ยวกับเรื่องโจมตีโมดีและการคว่ำบาตรมัลดีฟส์ แต่เป็นนโยบายของประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด มุอิซซู แห่งมัลดีฟส์อยู่แล้ว ที่สัญญาไว้ตั้งแต่การเลือกตั้ง โดยที่ตัวเขาชูนโยบายลดอิทธิพลอินเดีย หรือนโยบาย "India Out" เพราะเห็นว่าอินเดียเป็นภัยต่ออธิปไตยของมัลดีฟส์
- ในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันนี้ ประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด มุอิซซู เดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกพอดี พอเขากลับมาก็ประกาศในทันทีว่า มัลดีฟส์อาจจะมีขนาดเล็กแต่จะไม่ทางถูกรังแก และกล่าวว่า “เราไม่ใช่ประเทศที่อาศัยอยู่หลังบ้านของประเทศอื่น เราเป็นประเทศเอกราช”
- ประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด มุอิซซู ยังกล่าวว่ามัลดีฟส์จะกระจายที่มาของการนำเข้าอาหารและบริการด้านสุขภาพในต่างประเทศ แม้จะไม่บอกตรงๆ แต่ชัดเจนว่าเพื่อลดการพึ่งพาอินเดีย โดยการนำเข้าอาหารจะมาจากตุรกี ส่วนยาจะมาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา และชาวมัลดีฟส์ที่มีสิทธิ์ภายใต้โครงการประกันสุขภาพของรัฐสามารถเดินทางไปดูไบและไทยเพื่อรับการรักษาได้ จากที่ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ไปอินเดียและศรีลังกา
- ส่วนการท่องเที่ยว ถ้าไม่พึ่งอินเดีย มัลดีฟส์ก็ยังมีหวังกับนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้วหลังจากนั้นยังไม่กลับมาเท่าเดิม แต่ผุ็นำมัลดีฟได้หารือกับจีนในเรื่องความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจีนจะไม่นิ่งดูดายแน่นอน เพราะมัลดีฟส์ถือเป็นจุดเชื่อต่อสำคัญของโครงการ Belt and Road Initiative ของจีนในมหาสมุทรอินเดีย
Photo - @narendramodi / X