กรมการกงสุล รับเทรนด์โลกเปิดพรมแดนอีกครั้ง ยกระดับวันสต๊อปเซอร์วิสด้านนิติกรณ์สัญชาติในห้างกลางกรุง
เมื่อ 1 มีนาคม 2566 นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ประธานในพิธีเปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ศูนย์การค้า MBK Center ชั้น 5 โดยมีคณะผู้แทนจากสถานเอกอัคราชทูตต่างชาติประจำประเทศไทยเข้าร่วมพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก
นายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในการเปิดให้บริการสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ซึ่งถือเป็นการยกระดับการให้บริการประชาชนในรูปแบบ One Stop Shopping & Service ด้วยความพร้อมของทำเลศูนย์การค้าที่ตั้งในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งไม่เพียงอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนไทยเท่านั้น แต่ยังอำนวยความสะดวกต่อชาวต่างชาติในประเทศไทยด้วย
สอดคล้องกับแนวทางของกรุงเทพมหานคร ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ย้ำถึงความร่วมมือระหว่างกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศกับกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์ในการอำนวยความสะดวกประชาชนให้เข้าถึงบริการของภาครัฐเช่นเดียวกันในการยกระดับงานบริการประชาชน ประชาชนสามารถรับความสะดวกในทุกบริการของราชการได้ในจุดเดียว
ด้านนายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวถึงความสำคัญของสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ว่าการเปิดสำนักงานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการทูตเพื่อประชาชน ปัจจุบันกรมการกงสุลมีสำนักงานนิติกรณ์ในกรุงเทพฯ 2 และในต่างจังหวัดอีก 5 แห่ง สำหรับสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน กรมการกงสุลได้ยกระดับะบบนิติกรณ์เอกสารแบบใหม่ ซึ่งประชาชนสามารถยื่นขอรับบริการนิติกรณ์เอกสาร โดยไม่ต้องกรอกคำร้องในแบบฟอร์มกระดาษ หรือ paperless เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงนามแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-signature บนแผ่นปะนิติกรณ์ที่มี QR Code ซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของนิติกรณ์เอกสาร โดยหน่วยงานปลายทางสามารถตรวจสอบได้เอง นอกจากนี้ บนแผ่นปะยังมี Hologram เพื่อป้องกันการปลอมแปลงด้วย ซึ่งการพัฒนาระบบนิติกรณ์เอกสารแบบใหม่จะเป็นการกรุยทางให้ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการยกเลิกข้อกำหนดของการนิติการณ์สำหรับเอกสารมหาชนจากต่างประเทศ (Apostille Convention) ต่อไป
ยอดบริการนิติกรณ์พุ่งหลังเปิดประเทศ
ด้านศิริพร ศุภนิมิตวิเศษกุล ผู้อำนวยการ กองสัญชาติและนิติกรณ์กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เผยต่อ The Better News ว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยผ่อนปรนข้อจำกัดการข้ามแดน ตามแนวโน้มของหลายชาติทั่วโลก ทำให้งานธุรกรรมด้านนิติกรณ์ในการรับรองเอกสารต่างๆ ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่นขึ้นหลายเท่า
"ในแต่ละวันเราจะมีสัดส่วนข้อมูลที่ชัดเจนว่า ใครมาขอรับบริการในประเภทไหนอยู่แล้ว โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองสัญชาติและนิติกรณ์ได้ให้บริการต่อประชาชนในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ชาวไทยที่ต้องการรับรองเอกสารเพื่อแต่งงานกับชาวต่างชาติ หรือนักเรียนไทยที่ต้องการรับรองเอกสารเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ เช่นเดียวกับคนต่างชาติที่ต้องการต่อวีซ่า จนถึงการรับรองเอกสารซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของการขอใบอนุญาตทำงานในไทย"
"ในช่วงโควิดตัวเลขการขอเอกสารเหล่านี้ก็น้อยเป็นปกติเพราะยังไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ แต่หลังเปิดประเทศ ตัวเลขการรับบริการรับรองเอกสารที่กองสัญชาติและนิติกรณ์พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว หากเทียบกับช่วงก่อนโควิดงานของเราในแต่ละวันมีเยอะมาก ในวันนึงเราเคยรับบริการมากถึง 500 รายต่อวันที่กองฯ เพื่อให้การบริการประชาชนอย่างครอบคลุม ทางกองฯ ก็มีการเตรียมความพร้อมบริการประชาชนด้วยการเปิดรับสมัครและฝึกฝนบุคลากรของกองในจำนวนมากให้มีความพร้อมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในแง่การให้คำปรึกษาด้านเอกสารของประชาชนที่มารับบริการซึ่งแต่ละคนก็จะมีขอเอกสารรับรองในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป"
ภาพ: mbk-center, กระทรวงการต่างประเทศ