ร้าน 7-Eleven หลายแห่งในรัฐเท็กซัสและแคลิฟอร์เนีย ใช้วิธีการไล่คนจรจัดที่มาตามรังควานลูกค้าหน้าร้านด้วยการเปิดเพลงคลาสิกและเพลงโอเปร่า
แฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หลายสาขาในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสาขาในรัฐเท็กซัสและรัฐแคลิฟอร์เนีย แก้ไขปัญหาคนจรจัดที่มักมาใช้พื้นที่หน้าร้าน จนสร้างการรบกวนลูกค้าของร้านด้วยวิธีการเปิดเพลงคลาสสิกและเพลงโอเปร่า
จากกัต พาเทล (Jagat Patel) เจ้าของร้าน 7-Eleven ในเมืองออสตินรัฐเท็กซัส ระบุว่า ลูกค้าหลายคนมักไม่กล้าเข้ามาใช้บริการในร้าน โดยเฉพาะลูกค้าผู้หญิงและลูกค้าเด็ก เพราะมักเจอคนจรจัดรังควานตามตื้อเพื่อขอเงิน บางรายถึงขั้นตามไปจนถึงลานจอดรถ ทำให้ทางร้านต้องใช้วิธีการเปิดเพลงคลาสสิกโอเปร่า เพื่อขับไล่คนจรจัดออกจากหน้าร้าน
ในบางสาขา นอกเหนือจากเปิดเพลงคลาสิกแล้ว ทางร้านยังต้องจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อดูแลความปลอดภัยลูกค้า หลังทางร้านพบเหตุลูกค้าถูกคนจรจัดไร้บ้านทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง ตลอดจนยังใช้พื้นที่หน้าร้านเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด
เจ้าของร้าน 7-Eleven ในรัฐเท็กซัสยอมรับว่า ที่ต้องใช้วิธีการนี้เนื่องจากไม่ได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น แม้ว่าจะร้องเรียนเรื่องถูกคนจรจัดรบกวนในหลายครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่บางสาขาระบุว่าได้รับข้อร้องเรียนเสียงดังจากการเปิดเพลงคลาสสิกเช่นกัน โดยทางร้านวางแผนลดระดับเสียงให้เบาลงเพื่อไม่ให้ละเมิดกฎข้อบังคับของท้องถิ่น
พาเทล กล่าวว่า เขาได้ไอเดียเปิดเพลงคลาสสิกากเจ้าของร้านสะดวกซื้อในสาขาอื่นที่เริ่มทำแบบเดียวกัน โดยว่า พบผลการศึกษาที่ระบุว่า เพลงคลาสสิกและโอเปร่าทำให้คนรู้สึกรำคาญ ซึ่งเขาพบว่ามันได้ผลในการไล่คนจรจัดเหล่านี้ โดยหลังทดลองเปิดเพลงทางร้านพบว่ามีคนจรจัดมาป้วนเปี้ยนน้อยลง
ไม่เพียงแค่ร้าน 7-Eleven ในรัฐเท็กซัสเท่สนั้น รายงานข่าวยังระบุว่า ร้านสะดวกซื้อในรัฐแคลิฟอร์เนียก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ขับไล่คนจรจัดเช่นกัน โดยเพลงคลาสสิกที่นิยมใช้คือเพลงของโมสาร์ท เบโธเฟ่น และรัคมานินอฟ
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่คนจรจัดที่ทนเพลงคลาสสิกไม่ได้เท่านั้น แต่ลูกค้าบ้างรายก็บ่นว่ารู้สึกรำคาญเสียงเพลงคลาสสิกเหล่านี้เช่นกัน เนื่องจากทางร้านเปิดเพลงดังมาก
