'อินุนากิมูระ' หรือหมู่บ้านอินุนากิ เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ มีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่คนญี่ปุ่นว่าเป็นชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยที่ดุร้าย ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น และว่ากันว่ากินเนื้อคนด้วยซ้ำ กล่าวกันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาอินุนากิ (อินุนากิยามะ) ใกล้กับช่องเขาภูเขาอนูนากิ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน
มีเรื่องเล่าขานกันในหมู่คนญี่ปุ่นว่า อินุนากิตั้งอยู่ในป่าของจังหวัดฟุกุโอกะ ทางตะวันออกของภูเขาอินูนากิ ชาวบ้านในหมู่บ้านปฏิเสธที่จะยอมรับรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ถึงขนาดที่ว่าที่ใกล้ทางเข้าหมู่บ้านมีป้ายเขียนด้วยลายมือเขียนว่า "รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นไม่มีผลบังคับใช้ที่นี่" และชื่อหมู่บ้านแปลว่า "เสียงโหยหวนของสุนัข" ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกลึกลับและน่าขนพองสยองเกล้า
ที่มาของชื่อ "หมู่บ้านหมาโหยหวน" เล่ากันว่ากาลครั้งหนึ่งมีนายพรานคนหนึ่งมาล่าสัตว์พร้อมกับสุนัขของเขา วันนั้นสุนัขเห่ามากจนนายพรานหงุดหงิดและยิงมันไป ทันที หลังจากนั้น นายพรานก็ถูกโจมตีโดยอสุรกายที่คล้ายกับมังกรดำ ทำให้นายพรานตระหนักว่าสุนัขกำลังเตือนเขาถึงอันตราย หลังจากรอดมาได้นายพรานจึงจัดพิธีไว้อาลัยให้กับสุนัข และนี่คือที่มาของชื่อหมู่บ้าน แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับความแสนรู้ของสุนัข แต่มันชวนให้อดขนลุกไม่ได้กับชื่อ "หมาหอน"
เรื่องเล่าขานเกี่ยวหมู่บ้านนี้เริ่มต้นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ว่ากันว่ามีคู่รักหนุ่มสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินทางไปเมืองฮิซายามะ ในจังหวัดฟุกุโอกะ แต่เครื่องยนต์รถเกิดเสียโดยไม่คาดคิด พวกเขาลงจากรถและมุ่งหน้าขึ้นป่าเพื่อขอความช่วยเหลือ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านที่ดูเหมือนร้าง ที่หมู่บ้านนั้นเองพวกเขาพบกับชายชราที่ดูเพี้ยนๆ ซึ่งตอนแรกทำทีเป็นต้อนรับพวกเขาสู่อินุนากิ ก่อนที่จะฉวยโอกาสสังหารสองคู่รักด้วยเคียวเกี่ยวข้าว
ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านนี้ เล่ากันว่ามีตู้โทรศัพท์ใกล้สะพานอินุนากิ ทุกคืนจะมีเสียงโทรศัพท์โทรมาจากหมู่บ้านอินุนากิ ใครที่เดินผ่านตู้โทรศัพท์แล้วเผลอไปรับสายนั้นจะถูกสาปและถูกส่งตัวไปที่หมู่บ้าน เหยื่อของคำสาปจะเริ่มสูญเสียการควบคุมร่างกายและจิตใจ ก่อนที่จะตายในที่สุด
ตำนานเล่าลือเหล่านี้ไม่ได้มีแค่เรื่องเหนือธรรมชาติและการฆาตกรรม แต่ยังบอกเล่าที่มาที่ไปของความประหลาดพิกลของหมู่บ้านนี้ด้วย เช่น บางเรื่องอธิบายว่า ตั้งแต่ก่อนสมัยเอโดะ (ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองของญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่) ชาวบ้านถูกเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรง และเป็นผลให้ปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกและดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตัวเอง จนกระทั่งนำไปสู่การสืบพันธุ์ร่วมกันในคนหมู่เดียวกัน ในบางกรณีเชื่อกันว่าการสืบพันธุ์ในเครือตระกูลยังคงดำเนินต่อไปในหมู่บ้านแห่งนี้
บางเรื่องเล่าบอกว่าคนในหมู่บ้านนี้ต้องปกปิดตัวเองจากโลกภายนอกเพราะมีโรคระบาดร้ายแรง บ้างก็บอกว่าเพราะที่นี่เป้นแหล่งซ่องสุมของคนที่ชั่วร้ายที่สุด
บางคนเล่าว่า มีป้ายที่ทางเข้าหมู่บ้านว่า "นับจากจุดนี้เป็นต้นไป รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นจะไม่มีการบังคับใช้อีกต่อไป" บางคนถึงกับบอกว่า ป้ายเขียนไว้ว่า "นับจากจุดนี้เป็นต้นไปรัฐธรรมนูญของจักรวรรดิญี่ปุ่นจะไม่มีการบังคับใช้อีกต่อไป" นั่นหมายความว่าหมู่บ้านนี้ ไม่ได้ออกไปพบโลกภายนอกตั้งแต่ก่อนสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง
ประเด็นก็คือ ว่ากันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่ บ้างก็ว่ามันถูกลบออกจากแผนที่ สิ่งเดียวที่พอจะใช้เป็นหมุดหมายได้คือ 'อุโมงค์อินุนากิเก่า' นอกจากนี้ยังร่ำลือกันรว่า โทรศัพท์มือถือและสัญญาณอินเทอร์เน็ตจะแสดงผลว่า "อยู่นอกเขตให้บริการ" และจะไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้น แม้ว่าจะเผชิญกับอันตรายใดๆ ก็ไม่สามารถโทรหาตำรวจหรือขอความช่วยเหลือจากใครได้
เรื่องราวที่น่าสยองขวัญเหล่านี้เป็นตำนานในหมู่คนทั่วไป แต่น่าจะมีพื้นฐานมาจากเกตุการณ์สยองที่เกิดขึ้นจริงๆ ใกล้ๆ หมู่บ้าน นั่นคือ พื้นที่ของอุโมงค์อินุนากิเก่าที่มีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้จนร่ำลือกันว่ามีผีสิง เดิมทีนั้น มีอุโมงค์อยู่แล้วโดยสร้างอุโมงค์แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2492 ต่อมาอุโมงค์ใหม่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณใกล้เคียงในปี พ.ศ. 2518 อุโมงค์เก่าที่ไม่ได้ใช้กลายเป็นอันตรายเนื่องจากขาดการบำรุงรักษา เรื่องสยองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ชายหนุ่ม 5 คนได้ลักพาตัวและทรมานคนงานในโรงงานคนหนึ่งซึ่งพวกเขาต้องการขโมยรถ และเผาเหยื่อด้วยน้ำมันเบนซินในอุโมงค์เก่า ผู้กระทำผิดถูกจับกุมและถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต และต่อมาในปี พ.ศ. 2543 ยังมีการพบศพในเขื่อนใกล้เคียงอีกด้วย ยิ่งทำให้พื้นที่นี้มีชื่อเสียงในเรื่องความน่ากลัว ต่อมายิ่งมีการเผยแพร่ประสบการณ์ 'เจอผี' ที่ถูกฆาตกรรมในอุโมงค์นี้ด้วย รวมถึงเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้มากมาย
อุโมงค์อินุนากิแห่งเก่าถูกโยงเข้ากับหมู่บ้านอินุนากิด้วยเรื่องเล่าที่ว่า ในอุโมงค์เก่าแห่งนั้นหากเข้าไปแล้วจะมีเชือกและกระป๋องติดอยู่ ถ้าคนภายนอกไปแตะต้องเชือกนั้น จะมีเสียงดังขึ้นชาวบ้านพร้อมขวานก็วิ่งออกมา บางครั้งวิ่งตามมาด้วยความเร็วสุดขีด และพูดภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ บางคนเล่าว่า เลยอุโมงค์ออกไปจะมีกับดักมากมายติดตั้งไว้ หากผู้ที่รุกล้ำเข้าไปและติดกับดัก จะถูกคนในหมู่บ้าถือขวานและเคียวออกมาฆ๋า
เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับหมู่บ้านอินุนากิเริ่มกลายเป็นที่สนใจของสาธารณชน โดยย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2539 เมื่อสถานีโทรทัศน์ Nippon TV ได้รับจดหมายจากบุคคลนิรนาม ซึ่งบรรยายถึงตำนานของคู่รักคู่หนึ่งที่ถูกฆาตกรรมในหมู่บ้าน และกระตุ้นให้ทีมงาน Nippon TV เยี่ยมชมสถานที่นั้น จดหมายนิรนามมีชื่อว่า "หมู่บ้านในญี่ปุ่นที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น" หลังจากนั้นเรื่องเล่าขานของหมู่บ้านอินูนากิก็เริ่มแพร่หลายทางออนไลน์เป็นครั้งแรก
คำร่ำลือบอกกันว่า "ใกล้กับอุโมงค์อินูนากิเก่า มีหมู่บ้านที่น่ากลัวแห่งหนึ่งเรียกว่า 'หมู่บ้านอินุนากิ' ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย และใครก็ตามที่เข้าไปที่นั่นจะไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้"
จากนั้น ชื่อเสียงของหมู่บ้านนี้ก็โยงเข้ากับตำนานน่ากลัวมากมาย จนกระทั่งถูกสร้างเป็นภาพยนต์เมื่อปี พ.ศ. 2562 ในชื่อ "หมู่บ้านโหยหวน" (ชื่อในภาษาญี่ปุ่นคือ อินุนากิมูระ หรือ 犬鳴村)
เมื่อมีผู้สืบสวนทางประวัติศาสตร์ก็พบว่า แต่ก่อนเคยมีหมู่บ้านที่ชื่ออินุนากิจริงๆ (บางคนเรียกว่าหมู่บ้านอินุนากิดานิ) ข้อมูลออนไลน์แสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านนี้มีอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1691 ( 4 แห่งรัชสมัยเก็นโรคุ) จนถึงค.ศ. 1889 (ปีที่ 22 ในรัชสมัยเมจิ) แต่มันร้างไปแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านได้โยกย้ายไปที่อื่นหมด เหลือเพียงแต่ชื่อของหมู่บ้านเท่านั้น
บ้างก็ยืนยันว่าหมู่บ้านอินุนากิตัวจริงนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตำนานสยองที่ร่ำลือกันเลย
ส่วนพวกที่เชื่อในเรื่องเล่าขานของหมู่บ้านลึกลับนี้ก็บอกว่า จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครที่เข้าไปในหมู่บ้านอินุนากิแล้วจะออกมาได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่
ประเด็นก็คือถ้าไม่มีใครรอดชีวิตออกมา แล้วตำนานเล่าขานพวกนี้ได้มาจากที่ใด?
Photo - ภาพถ่ายของครูและนักเรียนในหมู่บ้านอินุนากิ (หมู่บ้านจริง) ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 1919 จากรายงานของกรรมการการศึกษาจังหวัดฟุกุโอกะ