เบื้องหลังของสถานการณ์
- จากการรายงานของ Axios สื่อในสหรัฐฯ คณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อผลักดันร่างกฎหมายที่พรรคสองพรรค คือฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างยินยอมพร้อมใจที่จะบังคับให้บริษัท ByteDance ยุติการเป็นการเป็นเจ้าของแอป TikTok ภายใน 165 วัน
- โดยการลงคะแนนเสียงรับหรือไม่รับกฎหมายดังกล่าวในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดในวันที่ 13 มีนาคม ต่อไปจะเป็นการพิจารณาในขั้นวุฒิสภา เมื่อเสร็จแล้วจึงจะส่งให้ประธานาธิบดีลงนามรับรอง ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่าจะลงนามให้ หากร่างกฎหมายได้ผ่านวุฒิสภาแล้ว
- อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของ Axios สมาชิกรัฐสภาบางคนเผยว่ายังไม่ตัดสินใจที่จะออกเสียงแบบไหน หลังจากบางคนได้รับการติดต่อจากผู้มีสิทธิออกเสียงจากเขตของตน ซึ่งแสดงความไม่พอใจอย่างมาก ต่อความพยายามของรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องแบน TikTok
ทำไมถึงเป็นศัตรูกับ TikTok
1. เรื่องมันเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2019 ผลการสอบสวนโดยสถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (PIIE) ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาเอกชนในวอชิงตันและมีอิทธิพลทางการเมืองพอสมควร ระบุว่า TikTok นั้นเป็น "ปัญหาใหญ่ระดับเดียวกับ Huawei" นั่นคือที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติต่อชาติตะวันตก เนื่องจากความสามารถของแอปในการถ่ายทอดตำแหน่ง รูปภาพ และข้อมูลไบโอเมตริกซ์ไปยังบริษัทแม่ในจีน ซึ่งตามกฎหมาย บริษัทแม่ของ TikTok (คือบริษัท ByteDance) ไม่สามารถปฏิเสธการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีนภายใต้กฎหมายความมั่นคงทางอินเทอร์เน็ตของจีน
2. เรื่องนี้มีมูลความจริงหรือไม่? ต้องย้อนกลับไปที่ท่าทีของผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ByteDance นั่นคือ จางอี้หมิง เขาเคยออกจดหมายในปี 2018 โดยระบุว่าบริษัทของเขาจะ "กระชับความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น" กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อส่งเสริมนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ แม้ว่า ByteDance จะยืนยันว่า TikTok ไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศจีน และข้อมูลจะถูกเก็บไว้นอกประเทศจีน แต่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท กลับขอสงวนสิทธิ์นในการแบ่งปันข้อมูลใดๆ กับทางการจีน
3. หลังจากเห็นถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคง ในเดือนตุลาคม 2019 วุฒิสมาชิก มาร์ก รูบิโอ ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมจากพรรครีพับลิกัน ได้ขอให้คณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับ TikTok และ ByteDance ในเดือนเดียวกัน หลังจากนั้นก็มีวุฒิสมาชิกอีกจำนวนหนึ่งร้องขอให้ทำการแบบเดียวกัน พร้อมกับมีการเสนอให้ใช้กฎหมายด้านความมั่นคงและการปกป้องข้อมูลกับ TikTok
4. ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติกำลังเคลื่อนไหวในเชิงนโยบาย ในเดือนธันวาคม 2019 กองทัพเรือสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ สั่งห้าม TikTok จากอุปกรณ์ที่ออกโดยรัฐบาลทั้งหมด หลังจากที่กระทรวงกลาโหมระบุว่ามีความเสี่ยงด้านความมั่นคง ต่อมา เดือนมีนาคม 2020 มีการเสนอกฎหมายในวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งจะห้ามมิให้พนักงานของรัฐบาลกลางทั้งหมดใช้หรือดาวน์โหลด TikTok แม้แต่ พรรคเดโมแครตก็ยังเตือนให้สมาชิกของตนระวังการใช้งาน TikTok เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการสอดแนม
5. ในที่สุด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2020 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศการตัดสินใจสั่งให้ ByteDance ยุติการเป็นเจ้าของ TikTok และขู่ว่าจะปิดการดำเนินงานของบริษัทในสหรัฐฯ หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2020 หลังจากนั้นก็มีความพยายามของบริษัทอเมริกันที่จะขอซื้อบริษัทต่อ แต่ตกลงกันไม้ได้ ทั้งยัวมีกระแสต่อต้านจากผู้ใช้แอปชาวอเมริกัน รวมถึงการตั้งข้อสังเกตว่าคำสั่งของประธานาธิบดี อาจขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
6. จนกระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม 2020 บริษัท ByteDance ก็ฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ ว่า ความพยายามของทรัมป์ในในการแบน TikTok เป็นการค้ากีดกันที่มุ่งเป้าไปที่จีน และยังเป็นการลิดรอนสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่ใช้กับธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้เ ทรัมป์ ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า TikTok เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ เมื่อเรื่องถึงขั้นศาล การฟ้องร้องและความพยายามที่จะแบน TikTok จึงยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทรัมป์หมดวาระการเป็นประธานาธิบดี
7. ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ โจ ไบเดน ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารให้เพิกถอนการสั่งแบน TikTok ของทรัมป์ และสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบ TikTok เพื่อพิจารณาว่าแอปดังกล่าวก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ หรือไม่ หลังจากนั้นดูเหมือนว่ากระแสการแบนจะเงียบหายไป ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโลกเผชิญกับการระบาดใหญ่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่าทีของไบเดน ที่ไม่ได้เน้นทำสงครามการค้ากับจีน ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นมูลเหตุที่แท้จริง (ส่วนหนึ่ง) ที่ทรัมป์สั่งแบน
8. อย่างไรก็ตาม กระแสวิตกเรื่องความมั่นคงก็กลับมาอีก เพราะในเดือนมิถุนายน 2022 มีรายงานปรากฏว่าพนักงาน ByteDance ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของสหรัฐฯ และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ TikTok หลายครั้ง พนักงานของ TikTok ถูกอ้างถึงโดยกล่าวว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเห็นได้ในจีน" ซึ่งหมายความว่าจีนเข้าถึงข้อมูลใน TikTok ได้ ในขณะที่ผู้อำนวยการคนหนึ่ง อ้างว่าวิศวกรประจำกรุงปักกิ่งซึ่งเรียกว่า "ผู้ดูแลระบบหลัก" สามารถ "การเข้าถึงทุกสิ่ง" ใน TikTok
9. หลังจากที่มีรายงานดังกล่าว TikTok ประกาศว่าการรับส่งข้อมูลผู้ใช้ทำกันในเฉพาะสหรัฐอเมริกา 100% โดยขณะนี้ถูกส่งไปยังระบบของบริษัท Oracle คือ Oracle Cloud พร้อมประกาศว่ามีความตั้งใจที่จะลบข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดออกจากศูนย์ข้อมูลของตนเอง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไร เพราะเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2022 ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามในกฎหมายห้ามใช้ TikTok กับอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยห้ามไม่ให้ใช้แอปบนอุปกรณ์ของรัฐบาลกลาง โดยมีข้อยกเว้นบางประการ
10. พอถึงในปลายปี 2022 สมาชิกที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครตหลายคนที่เคยคัดค้านการพยายามแบน TikTok ก็เริ่มเปลี่ยนมุมมอง โดยหลายคนสรุปว่าการกระทำของทรัมป์มีความชอบธรรม หลังจากนั้น รัฐสภาสหรัฐฯ ก็เริ่มผลักดันกฎหมายที่จะแบน TikTok อีกครั้ง ด้วยอัตราเร่งที่น่ากลัวพอๆ กับยุคของทรัมป์ เช่น ในเดือนธันวาคม 2022 วุฒิสมาชิก มาร์ก รูบิโอ และสมาชิกสภาคนอื่นๆ เสนอกฎหมาย ANTI-SOCIAL CCP Act ซึ่งจะห้ามไม่ให้โซเชียลเน็ตเนิร์กของจีนและรัสเซียเข้ามาทำธุรกิจในสหรัฐฯ
11. ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2023 มีเสนอกฎหมายข้อมูล หรือ DATA Act และข้อมูลการจำกัด หรือ RESTRICT Act ในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับ โดย DATA Act ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามการขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะแก่ผู้ซื้อบุคคลที่สาม ส่วน RESTRICT Act หากผ่าน จะให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบธุรกรรมทางธุรกิจที่ทำโดยผู้ให้บริการไอทีและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับ "ศัตรูต่างชาติ" หากพบว่ามีภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และมีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งล้านคนในสหรัฐ ก็จะบังคับให้ยุติการครอบครองธุรกิจหรือห้ามทำธุรกิจในสหรัฐฯ
12. แต่กฎหมายตัวที่กำลังจะเข้าสภาและกระทบต่อ TikTok ตรงๆ อีกฉบับ คือ "กฎหมายการปกป้องชาวอเมริกันจากการควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ" ซึ่งมีการลงมติกันในวันที่ 13 มีนาคม 2024 ในขั้นของสภาผู้แทนราษฎร ผลปรากฏว่าสภาผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายนี้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok จะต้องตัดขาดจากบริษัทแม่ในจีน คือ ByteDance โดยสิ้นเชิง ไม่เช่นนั้นอาจถูกแบนจากร้านแอปมือถือและบริการเว็บโฮสติ้ง หากฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบ ByteDance ก็จะต้องขายกิจการ หรือไม่ก็ต้องยุติการให้บริการในสหรัฐฯ แม้ว่าจะพอมีทางใช้ต่อได้ แต่บางคนชี้ว่ากฎหมายตัวนี้มีเจตนาที่จะขัดขวางไม่ให้มีการใช้ TikTok ในสหรัฐฯ ไปเลย
Photo - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โรเบิร์ต การ์เซีย จากพรรคเดโมแคตประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย พูดในการแถลงข่าวเกี่ยวกับการแบน TikTok เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยแสดงความกังวลต่อกฎหมายของพรรครีพับลิกัน ที่จะบังคับให้เจ้าของแอปโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนขายแพลตฟอร์มดังกล่าวหรือเผชิญกับการแบนในสหรัฐอเมริกา (Photo by Anna Moneymaker / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)