จากตัวเลขล่าสุด สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยยังย่ำแย่อย่างหนัก ไม่ใช่แค่แพ้ตัวเอง แต่ยังแพ้เพื่อนบ้านที่กำลังมาแรง นั่นคือเวียดนาม
จากการแถลงข่าวของ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาตร์ เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2567 ว่า มีมูลค่า 24,960.6 ล้านดอลลาร์ หดตัว 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
สาเหตุที่การส่งออกเดือนมีนาคม 2567 ติดลบเกิดจาก "ฐานการส่งออกที่สูง" ในเดือนเดียวกันของปี 2566 อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบฐานการส่งออกของปีที่แล้วกับปีนี้ ก็ยังสะท้อนอยู่ดีว่าเศรษฐกิจของปีนี้แย่ลง เพราะปีที่แล้วยอดส่งออกสูงกว่า
ในเวลาเดียวกับที่การส่งออกของไทยติดลบหลักสิบและยังลดลงจากปีที่แล้ว ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าอย่างมาก แต่การการอ่อนค่าของเงินบาทแทนที่จะช่วยหนุนการส่งออก การส่งออกของไทยกลับยังมีสถานการณ์ที่แย่พอๆ กัน
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่าการอ่อนค่าของเงินบาทมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง รวมถึงความไม่ลงรอยของนโยบาบการเงินการคลังระหว่างรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย
ในขณะที่การส่งออกของเวียดนามในเดือนเมษายน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อนหน้า เป็น 3.09 หมื่นล้านดอลลาร์ นำโดยการจัดส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนนั้นเพิ่มขึ้น 6.3% ต่อปี ตามข้อมูลของรัฐบาลเปิดเผยเมื่อวันจันทร์
เฉพาะช่วงเดือนมกราคม-เมษายน การส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้น 15% เทียบกับปีก่อนหน้าเป็น 123.64 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.4% เป็น 1.15 แสนล้านดอลลาร์ โดยสรุปแล้วเวียดนามได้เปรียบดุลการค้า 8.4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้
ในขณที่ประเทศไทย ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม มีมูลค่า 70,995.3 ล้านดอลลาร์ หดตัว 0.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 การนำเข้า มีมูลค่า 75,470.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.8% ดุลการค้า ไตรมาสแรกของปี 2567 ขาดดุล 4,475.2 ล้านดอลลาร์
โดยสรุปก็คือ เวียดนามเกินดุล 8.4 พันล้านดอลลาร์ ส่วนไทยขาดดุล 4.4 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ในส่วนของการค้าข้าว ซึ่งเวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย เวียดนามยังทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสถิติทั่วไประบุในรายงานว่า เวียดนามส่งออกข้าวได้ 3.23 ล้านตันในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 11.7% จากปีก่อนหน้า รายได้จากการส่งออกข้าวในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 36.5% เป็น 2.08 พันล้านดอลลาร์
Photo by KARIM JAAFAR / AFP