ถาม - ทำไมศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ถึงออกหมายจับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กับ โยอาฟ กัลลันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล?
ตอบ - จากการรวบรวมหลักฐานสำนักงานของสำนักอัยการ ICC พบว่ามีเหตุอันสมควรที่จะเชื่อว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล และโยอาฟ กัลลันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล จะต้องรับผิดชอบทางอาญาต่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในดินแดนของรัฐปาเลสไตน์ (ในฉนวนกาซา) ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2566
สำนักอัยการ ICC ชี้ว่ามีการกระทำเหล่านั้นถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างประเทศระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และความขัดแย้งด้วยอาวุธที่ไม่ใช่ระหว่างประเทศระหว่างอิสราเอลและฮามาส (ร่วมกับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อื่นๆ) โดยอิสราเอลได้ทำการโจมตีพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในวงกว้างและอย่างเป็นระบบตามนโยบายของรัฐ ในการประเมินของสำนักอัยการ ICC อาชญากรรมเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้
ถาม - อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ เนทันยาฮู และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสรราเอลได้กระทำนั้น มีอะไรบ้าง
ตอบ - อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นจากทั้งสองคนมุ่งโจมตีพลเรือนระหว่างการปิดล้อมฉนวนกาซาโดยปิดจุดผ่านแดนทั้งสามจุด ได้แก่ ราฟาห์ เคเรม ชาลอม และเอเรซ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เป็นระยะเวลานาน จากนั้นจึงจำกัดการถ่ายโอนสิ่งของจำเป็นโดยพลการ รวมถึงอาหารและยา ไม่ให้ผ่านจุดผ่านแดนหลังจากเปิดจุดผ่านแดนอีกครั้งแล้ว การปิดล้อมของอิสราเอลยังรวมถึงการตัดท่อส่งน้ำข้ามพรมแดนจากอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสะอาดหลักของชาวกาซา เป็นระยะเวลานานเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566 และการตัดและขัดขวางการจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่อย่างน้อย 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 จนถึงวันนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการโจมตีพลเรือนอื่น ๆ ทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการบีบให้ผู้คนต้องเข้าคิวซื้ออาหาร การขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือโดยหน่วยงานด้านมนุษยธรรม และการโจมตีและสังหารเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ ซึ่งบังคับให้หลายหน่วยงานต้องหยุดหรือจำกัดการดำเนินงานในฉนวนกาซา
ถาม - จากข้อมูลเหล่านี้ ศาล ICC ได้จั้งข้อหาของทั้งสองคนไว้อย่าง?
ตอบ - ศาล ICC ได้ตั้งข้อหาที่ทั้งสองคนดังนี้โดยเป็นความผิดตามมาตราต่างๆ ที่ระบุไว้ในของธรรมนูญของ ICC โดยสำนักงานอัยการระบุว่า "ได้ตั้งข้อหาผู้ที่มีความรับผิดชอบมากที่สุดสองคนคือ เนทันยาฮูและกัลลันท์ ทั้งในฐานะผู้ร่วมกระทำผิดและผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 25 และ 28 ของธรรมนูญกรุงโรม" (ซึ่งธรรมนูญกรุงโรม หรือ Rome Statute เป็นสนธิสัญญาซึ่งมีเนื้อหาสาระเป็นการจัดตั้งและจัดเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ธรรมนูญนี้ได้รับความเห็นชอบจากรัฐต่าง ๆ ณ การประชุมทางการทูตที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2541) โดยข้อต่างๆ มีดังนี้
- ก่อให้เกิดความอดอยากของพลเรือนเพื่อใช้วิธีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทำสงคราม ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงครามซึ่งขัดกับมาตราที่ระบุไว้ในของธรรมนูญกรุงโรม
- จงใจก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสต่อร่างกายหรือสุขภาพ และยังได้ทำให้เกิดการปฏิบัติที่โหดร้ายในฐานะอาชญากรรมสงคราม ซึ่งขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม
- การฆ่าโดยเจตนาขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม หรือการฆาตกรรมในฐานะอาชญากรรมสงครามซึ่งขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม
- การจงใจโจมตีพลเรือนในฐานะอาชญากรรมสงคราม ซึ่งขัดกับมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม
- การกำจัดและ/หรือการฆาตกรรมซึ่งขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม รวมถึงในบริบทของการเสียชีวิตที่เกิดจากความอดอยาก ถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
- มีการดำเนินการกวาดล้างอันถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม
- การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอื่นๆ ถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งขัดต่อมาตราที่กำหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรม
ถาม - หลังจากออกหมายจับนี้แล้ว จะมีการดำเนินการเช่นไรต่อไป?
ตอบ - ขณะนี้คณะผู้พิพากษา 3 คนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะออกหมายจับและอนุญาตให้ดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ โดยทั่วไปผู้พิพากษาจะใช้เวลาสองเดือนในการตัดสินใจดังกล่าว
Photo by Menahem KAHANA / AFP