เงินหลายพันล้านยูโรหลั่งไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมคลาวด์ (cloud industry) ในยุโรป โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มาลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ทั่วทวีป
พลังที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังการไหลเข้าอย่างรวดเร็วของเงินลงทุนและนวัตกรรม คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่าระบบ Sovereign cloud สำหรับยุโรป
Sovereign cloud คืออะไร?
'cloud' เป็นคำศัพท์ที่ครอบคลุมสำหรับวิธีการจัดเก็บข้อมูลในคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่ดำเนินการโดยบริษัทภายนอก แทนที่จะใช้บนคอมพิวเตอร์ท้องถิ่นที่จัดการภายในองค์กร
'Sovereign cloud' คือแนวคิดที่ว่าประเทศ ภูมิภาค หรือชุมชนจะสามารถควบคุมข้อมูลนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดเก็บ วิธีการเข้าถึงข้อมูล และใครเป็นผู้ดูแลข้อมูลดังกล่าว
ฟรานซิสโก มิญอรานเช (Francisco Mingorance) เลขาธิการ CISPE ซึ่งเป็นหน่วยงานอุตสาหกรรมคลาวด์ของยุโรป กล่าวกับ AFP ว่าผู้เสนอระบบคลาวด์แบบ Sovereign cloud มีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
เขากล่าวว่าการทำแบบนั้นจะช่วยเสริมบริการ "การคุ้มกันจากเขตอำนาจศาลต่างประเทศที่เข้าถึงข้อมูลของพลเมืองหรือบริษัทในยุโรปโดยอาศัยกฎหมายแห่งชาติของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา จีน หรือเขตอำนาจศาลอื่น"
เหตุใดจึงจำเป็น?
Amazon (AWS), Google และ Microsoft ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ครองอุตสาหกรรมคลาวด์
กฎหมายของสหรัฐฯ กำหนดว่าบริษัทเหล่านี้ต้องส่งต่อข้อมูล แม้กระทั่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน หากหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ร้องขอ
การถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ถูกศาลตัดสินว่าผิดกฎหมายหลายครั้งภายใต้กฎหมายของสหภาพยุโรป ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งของการสร้างระบบ Sovereign cloud ก็คือการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของชาวยุโรปภายในยุโรป
ใครเป็นคนผลักดันมัน?
“ฝรั่งเศสสนับสนุนและสนับสนุนสิ่งนี้เป็นอย่างมาก” อุลริช อาห์เลอ (Ulrich Ahle) ซีอีโอของโครงการคลาวด์ Gaia-X ของยุโรปกล่าวกับ AFP
“ประเทศอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าข้างและไม่ได้ร้องขอมากนัก”
การถกเถียงในฝรั่งเศสเกี่ยวกับระบบคลาวด์มักจะก้าวไปไกลกว่าความกังวลเรื่องข้อมูล เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นอธิปไตยของยุโรป ซึ่งการทำเช่นนั้นจะต้องมีการสร้างบริษัทดิจิทัลของยุโรปหรือฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้
ใครเป็นคนสร้างมัน?
Amazon กำลังผลักดันอย่างหนักกว่าใครๆ เพื่อให้ถูกมองว่าเป็นสถาปนิกแห่งระบบ Sovereign cloud ของยุโรป
บริษัทประกาศในเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่าจะเริ่มสร้าง "AWS European Sovereign Cloud ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ใหม่ที่เป็นอิสระสำหรับยุโรป" ซึ่งจะแยกจากภูมิภาคอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
การลงทุนมูลค่า 7.8 พันล้านยูโรในเยอรมนีเมื่อเดือนที่แล้วประดับด้วยตราสินค้า "อธิปไตย" (Sovereign)
แม้ว่า Microsoft และ Google มักจะประกาศการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านยูโรในศูนย์ข้อมูลของยุโรป แต่พวกเขาไม่ได้ใช้โปรโมทความเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเป็นอธิปไตยด้านดิจิทัลของยุโรป
มันจะแก้ปัญหาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้หรือไม่?
“AWS และผู้ร่วมงานยังคงพยายามโต้แย้งว่าตำแหน่งสถานที่ตั้งของของเซิร์ฟเวอร์มีความเกี่ยวข้อง แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น” มักซ์ ชเรมส์ (Max Schrems) นักรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกล่าวกับ AFP
บริษัทในสหรัฐฯ จะยังคงเป็นผู้ควบคุมข้อมูล และยังคงจำเป็นต้องส่งมอบข้อมูลดังกล่าวหากมีการร้องขอตามคำสั่งของสหรัฐฯ
บริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ กำลังทดลองใช้วิธีอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการสร้างหน่วยงานและหุ้นส่วนในยุโรปที่จะรับผิดชอบข้อมูลดังกล่าวอย่างถูกกฎหมาย
แต่ชเรมส์กล่าวว่าแนวคิดเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง
“พวกเขามักพูดว่านี่คือแผนของพวกเขาสำหรับอนาคต แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีระบบที่ 'มั่นคง' ที่ผมทราบดีว่าการดำเนินการนี้ถูกต้องตรงไหน” เขากล่าว
รัฐบาลยุโรปกำลังทำอะไรอยู่?
รัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมันผนึกกำลังกันในปี 2562 เพื่อประกาศโครงการริเริ่ม Gaia-X ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท เจ้าหน้าที่ และนักวิชาการ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลและเทคโนโลยีของยุโรป
แม้ว่าหนึ่งในเป้าหมายที่ระบุไว้คือการส่งเสริมทางเลือกของยุโรปแทนเทคโนโลยีขนาดใหญ่ Amazon และ Microsoft ก็เป็นหนึ่งในสมาชิก
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝรั่งเศสได้วางกรอบมาตรฐานระดับชาติของตนเองที่เรียกว่า "ระบบคลาวด์ที่เชื่อถือได้" ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดบทบาทของบริษัทที่ไม่ใช่ยุโรปในการควบคุมข้อมูล
สหภาพยุโรปกำลังพัฒนามาตรฐานเช่นกัน แต่เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สกัดกันความก้าวหน้าของกระบวนการนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปร่างแผนการที่ไม่มีการพูดถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างอธิปไตยของยุโรปในด้านดาต้าที่คาดหวังกันมาอย่างยาวนาน
Text by Agence France-Presse
Photo by Jung Yeon-je / AFP