สุดซึ้งเมื่อรู้ว่าทำไมจบดอกเตอร์จากสแตนฟอร์ด ถึงมาสมัครเป็นข้าราชการที่อำเภอบ้านนอก?

สุดซึ้งเมื่อรู้ว่าทำไมจบดอกเตอร์จากสแตนฟอร์ด ถึงมาสมัครเป็นข้าราชการที่อำเภอบ้านนอก?

ชายหนุ่มที่ชื่อ ซูเจิ้น (苏朕) กลายเป็นคนดังของจีนในสัปดาห์นี้ หลังจากมีข่าวว่า เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นข้าราชการที่อำเภอหลิงปี้ มณฑลอันฮุย ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทและยังอยู่ในมณฑลที่ถูกมองข้ามที่สุดแห่งหนึ่งของจีน 

ซูเจิ้น จะไม่กลายเป็นข่าวเลย ถ้าเขาไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาฟิสิกส์ประยุกต์ ทำงานวิจัยด้านการวิเคราะห์ลักษณะของอะตอมและการผลิตโดยอาศัยการเบี่ยงเบนของรังสีเอกซ์ (x-ray crystallography) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปรเทศสหรัฐฯ 

ไม่ใช่แค่นั้น ก่อนหน้านี้ เขายังจบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตมัธยมปลายอำเภอเซียว มณฑลอุนฮุย ศิษย์เก่ามัธยมต้นและมัธยมปลายของเขาบอกว่าเขาเป็นเหมือน "เทพเจ้าแห่งการศึกษา" เชื่อ่าเขาจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งของชาติได้ คือ มหาวิทยาลัยชิงหวาและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่ตอนที่สอบสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาทำผิดแค่เล็กน้อยเท่านั้น จึงพลาดโอกาสไป

ศึกษาต่อที่คณะฟิสิกส์มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน ที่นี่เขายังได้รับทุนการศึกษาชื่อ "ทุนกัวมั่วรั่ว" ซึ่งเป็นทุนการศึกษาระดับสูงสุดของมหาวิทยาลัย (กัวมั่วรั่ว เป็นนักเขียน นักประวัติศาสตร์จีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก และยังเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน) จากนั้นเมื่อได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เขายังได้รับทุนการศึกษาอีกด้วย 

 ด้วยคุณสมบัติระดับเทพขนาดนี้ ทำไม ซูเจิ้น ถึงเลือกที่จะมาทำงานในอำเภอเล็กๆ ที่ "บ้านนอก" แทนที่จะใช้วิชาความรู้ด้านเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อชาติบ้านเมือง? เรื่องนี้สร้างความสงสัยให้กับชาวจีนอย่างมาก จนกลายเป็นไวรัลประจำสัปดาห์ 

ความจริงแล้ว งานข้าราชการในจีนเป็นงานที่คนหนุ่มสาวแย่งกันสมัคร เพราะถือเป็น 'ชามข้าวเหล็ก' (铁饭碗) นั่นคือต่อให้เกิดปัญหาอะไร ชามข้าวก็ไม่แตก (หมายถึงไม่ตกงาน ไม่ต้องอดอยาก) ในสภาพเศรษบกิจจีนที่ซบเซาลง คนหนุ่มสาวจึงแย่งกันมาทำงานราชการ ทำให้การแข่งขันสูงมาก และคู่แข่งก็เริ่มมีคุณวุฒิสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินมาตรฐานที่งานราชการต้องการ  

แต่คนที่มีคุณวุฒิอย่าง ซูเจิ้น ไม่จำเป็นต้องมาสมัครงานราชการเลย ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในอำเภอห่างไกลที่ไม่มีความสำคัญระดับชาติด้วยแล้ว ทำให้เกิความสงสัยอย่างมากในหมู่คนจีน จนสื่อบางแห่งใช้คำว่านี่คือการ "ใช้กระบี่ทองคำ เพื่อนำมาปอกผลไม้" เพราะดีกรีปริญญาเอกเหมือนกับการได้กระบี่ทองคำ เขา ซูเจิ้น กลับเอามาใช้งานง่ายๆ อย่างการบริหารงานชนบท เหมือนกับเอามาปอกผลไม้

ชาวเน็ตจีนบางคนคิดว่า เพราะการแข่งขันในโลกวิชาการมันดุเดือดเอามากๆ หากไม่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นเลิศ โอกาสจะแจ้งเกินนั้นยาก บางคนถึงอ้าง "คนวงใน" บอกว่า เพราะ ซูเจิ้น ต้องการมใช้วุฒิชั้นสูงเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางในหน้าที่การงานการเป็นข้าราชการ

แต่บางคนเชื่อว่าเขามีเจตนาที่บริสุทธิ์ และความจริงอาจเป็นเพราะเขาแค่ต้องการกลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน และอยู่ใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น 

เช่นในช่องคอมเมนต์ของ่าวดังกล่าวในเว็บไซต์ "กวนฉา" (观察者网) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวการเมืองและสังคมที่เป็นที่นิยมในจีน ในความเห็นหนึ่งเผยว่า ซูเจิ้น อาจมีความคิดที่จะกลับบ้านไปดูแลครอบครัว เพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่และพี่สาวที่คอยสนบสนุนเขามาโดยตลอด โดยความเห็นนี้ได้แนบ "กิติกรรมประกาศ" (การแสดงความขอบคุณผู้ช่วยเขียนหนังสือ) ในวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา ซึ่งมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า 

“ผมอยากจะขอบคุณครอบครัว พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และพี่สาวน้องสาวของผม ปู่ย่าตายายของผมอายุประมาณ 90 ปี พวกเขาคอยให้กำลังใจผมให้ทำตามใจผมเสมอ พ่อแม่และน้องสาวของผมคอยให้กำลังใจ พูดคุย และช่วยเหลือผมเสมอ เพื่อขจัดความกดดันในชีวิต เราคิดถึงกันมากในช่วงโรคระบาดนี้ (ช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด) และหวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยและมีสุขภาพดี แม้จะห่างไกลจากกัน ผมเชื่อว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สามารถแบ่งปันความรู้สึกของเราได้ทุกวันและคืน"

บทความในเว็บไซต์ ต้าเหอหว่าง (大河网) ชี้ว่า "ยินดีที่ได้เห็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมในระดับรากหญ้ามากขึ้น"

ตอนหนึ่งของบทความกล่าวว่า "'ผู้ถูกเลือก' ที่โดดเด่นเช่นนี้สามารถสละแสงอันเจิดจ้าของเขาและอุทิศตนเพื่อตอบสนองต่อรากหญ้า ความกล้าหาญ วถีทาง และการอุทิศตนเพื่อประชาชนระดับรากหญ้านั้นคู่ควรแก่การเคารพและเอาใจใส่ ซูเจิ้นและนักเรียนจากต่างประเทศที่มีความโดดเด่นคนอื่นๆ หวนคืนสู่ระดับรากหญ้าและเลือกที่จะอุทิศตนให้กับประชาชนระดับรากหญ้า นำสิ่งที่เรียนรู้มาประยุกต์ใช้กับการสร้างบ้านเกิด ผสมผสานการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ากับผลประโยชน์และการพัฒนาของประเทศและประชาชน แล้วไป ไปยังสถานที่ที่มาตุภูมิต้องการพวกเขามากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกรักชาติที่ลึกซึ้งและซับซ้อนในระดับรากหญ้าอันแข็งแกร่ง"

บทความของหญิงสาวที่ชื่อ "ป้านเซี่ยชือกวาเม่ย" (半夏吃瓜妹) ในเว็บไซต์ NetEase หรือ หวางอี้ (网易) บอกว่า "ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อทุกคนพูดถึงพี่ซูอีกครั้ง มันไม่เพียงแต่จะเกี่ยวกับดอกเตอร์ชั้นนำที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติในต่างประเทศด้วยเกียรตินิยมเท่านั้น แต่ยังจะพูดถึงการที่เขาอยู่ในฐานะข้าราชการพลเรือนสามัญแต่ไม่ธรรมดาเลย ได้ฉายแสงที่เปล่งประกายออกมาในการดำรงตำแหน่งปกติ ทางเลือกของพี่ซูเป็นเพียงการตอบโต้อย่างนุ่มนวลต่อปรากฏการณ์ "การแข่งขันเอาเป็นเอาตายในวงการศึกษา" (教育内卷) และการบ่อนทำลายแนวคิดที่ล้าสมัยที่ว่า "ความสำเร็จ = เมืองใหญ่ + เงินเดือนสูง (成功=大都市+高薪水) "

"เขาใช้ประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองบอกทุกคนว่าไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน ตราบใดที่คุณเดินไปด้วยหัวใจ คุณสามารถสร้างบทชรีวิตที่ยอดเยี่ยมของคุณเองได้"

รายงานพิเศษโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better 
 

TAGS: #จีน #ดอกเตอร์