ราคารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ถูกอย่างมาก มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในฐานะผู้บริโภคราคาที่ถูกลงถือเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับประเทศที่ผลิตรถยนต์เป็นหลัก มันอาจจะเป็นหายนะก็ได้ เพราะแม้แต่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์รายหนึ่ง ก็ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จนทำให้สื่อของสหรัฐฯ เช่น NPR เตือนว่า "รถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกอาจสร้างความเสียหายต่อภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั่นก็คือ การผลิตรถยนต์"
คำถามที่ควรรู้คำตอบก็คึอ "ทำไมรถ EV จีนมีราคาถูกได้ขนาดนั้น?" และนี่คือคำตอบ
1. ต้นทุนแบตเตอรี่ที่ถูกจะทำให้รถถูกลง
จากรายงานของ CJO Global ซึ่งเป็นผู้สังเกตุการณ์เรื่องสังคมในจีน ระบุว่า ส่วนประกอบต้นทุนหลักของรถยนต์ไฟฟ้าคือชุดแบตเตอรี่ ซึ่งคิดเป็น 30% ถึง 40% ของต้นทุนทั้งหมด และในก้อนแบตเตอรี่ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนคือ "ลิเธียม" ประเภทต่างๆ เช่นลิเธียมเหล็กฟอสเฟต, ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์, ลิเธียมนิกเกิลโคบอลต์อลูมิเนียมออกไซด์, ลิเธียมคาร์บอเนต, ลิเธียมไฮดรอกไซด์ ฯลฯ ดังนั้นการลดต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าจึงขึ้นอยู่กับการลดลงเป็นส่วนใหญ่ ต้นทุนแบตเตอรี่ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการลดต้นทุนวัสดุอิเล็กโทรดบวก
2. เพราะจีนครอบงำการผลิตแบตเตอรี่
จีนผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม 80% ของโลก ในไตรมาสแรกของปี 2023 บริษัทชั้นนำ เช่น CATL และ BYD คิดเป็น 51% ของการติดตั้งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก (CATLเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV รายใหญ่ที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกประมาณ 37% ในปี 2023) อิทธิพลของจีนขยายไปถึงอุตสาหกรรมวัตถุดิบต้นน้ำ โดยบริษัทต่างๆ เช่น Tianqi Lithium ถือหุ้น 51% ใน Talison Lithium ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองสปอดูมีน (Spodumene แหล่งสำคัญของลิเธียมสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน) ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในเมืองกรีนบุช รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
3. จีนบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV
รายงานของ CJO Global ชี้ว่าจีนได้สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงวัสดุพื้นฐาน เซลล์แบตเตอรี่ ระบบแบตเตอรี่ อุปกรณ์การผลิต ฯลฯ บริษัทจีนครองพื้นที่สำคัญ โดยมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 90% สำหรับวัสดุแผ่นโลหะธาตุซึ่งทำเป็นขั้วลบในแบตเตอรี่ (negative electrode) และอัตราการพึ่งพาตนเองได้ถึง 90% ในการผลิตวัสดุไดอะแฟรม ด้วยการพึ่งพาอุตสาหกรรมภายในอย่างเต็มที่ ทำให้จีนไม่ต้องเพิ่นต้นทุนการนำเข้าและต้นทุนจากภาษี แต่พึงสังเกตว่าการสร้างอุตสาหกรรมที่พึ่งตนเองของจีน อาจเป็นผลมาจากการเอาตัวรอดจากสงครามการค้า และกลายเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม EV จีนในที่สุด
4. ค่าแรงถูกกว่า แต่ตลาดใหญ่กว่า
สื่อด้านยานยนต์ของจีนคือ 'ชี่เชอจือเจีย' (汽车之家) ชี้ว่าค่าแรงในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีการขาดแคลนแรงงานในประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรปและอเมริกา ต้นทุนค่าแรงจึงยังคงอยู่ในระดับสูง ในทางตรงกันข้าม ต้นทุนแรงงานของจีนค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไมต้นทุนการผลิตในประเทศจึงสามารถแข่งขันได้การผลิต EV จากประเทศพัฒนาแล้ว ที่สำคัญก็ตือ ตลาดในต่างประเทศยังขยายตัวไม่มาก ส่วนจีนมีตลาด EV ที่ขยายตัวต่อเนื่องและใหญ่โตมโหฬารอย่างมาก ดังนั้น เมื่อมีการผลิตในปริมาณที่มาก ก็มีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปโดยปริยาย
5. การแข่งขันตัดราคากันเองของค่ายรถจีน
'ชี่เชอจือเจีย' ยังชี้ว่า ปัจจุยัที่ทำให้ EV จีนแข่งกับค่ายรถใหญ่ๆ ภายนอกประเทศได้ เเพราะมีการแข่งขันด้านราคาอย่างมากในตลาดรถยนต์ในประเทศ และการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ยังทวีความรุนแรงขึ้น และการลดราคาเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันสำหรับผู้บริโภค ตั้งแต่ปี 2023 แบรนด์ต่างๆ เช่น Tesla, Xiaopeng และ Weilai ได้ลดราคาสำหรับโปรโมชัน แม้แต่ BYD ก็ใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันนี้ ส่วนราคาของรถยนต์ใหม่ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคารถยนต์ในประเทศมีราคาไม่แพงมากขึ้น
CJO Global ชี้ว่า "ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จีนจึงมีความได้เปรียบด้านต้นทุนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทจีนมีความเชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพง โดยไม่กระทบต่อคุณภาพและคุณสมบัติขั้นสูง ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนมีการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่างประเทศก็ต้องปรับราคาให้เข้ากับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน"
Photo - รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ที่รอขนถ่ายลงเรือ วางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ที่ท่าเทียบเรือระหว่างประเทศของท่าเรือไท่ชาง ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 (ภาพโดย AFP) / CHINA OUT