จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากไบเดนถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี?

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากไบเดนถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี?

การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 22 กรกฎาคม (ตามเวลาประเทศไทย) ที่จะถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงล่าช้าดังกล่าว เพียง 100 กว่าวันก่อนถึงการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสมัยใหม่ของสหรัฐฯ

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สมาชิกร่วมนพรรคเดโมแครตของไบเดน “จะดำเนินการกระบวนการที่โปร่งใสและเป็นระเบียบเพื่อก้าวไปข้างหน้าในฐานะพรรคเดโมแครตที่เป็นเอกภาพ โดยมีผู้สมัครที่สามารถเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ได้ในเดือนพฤศจิกายน” ประธานพรรคเจม แฮร์ริสัน กล่าวในแถลงการณ์

มาดูกันว่าพรรคครีพับลิกกันและการเมืองอเมริกันจะทำงานกันอย่างไร เพื่อหาผู้มาแทนที่ประธานาธิบดีวัย 81 ปี

- การประชุมพรรคจะวุ่นวาย? -
เพื่อแต่งตั้งผู้ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ ผู้แทนที่ได้รับเลือกจากทั้งหมด 50 รัฐ และจากเขตเมืองหลวงของสหรัฐฯ และดินแดนโพ้นทะเลจะเข้าร่วมการประชุมเสนอชื่อพรรคช่วงฤดูร้อนปีนี้ (ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม) เพื่ออนุมัติตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ

ไบเดนได้รับคะแนนเสียงหลักอย่างท่วมท้น และผู้แทนประมาณ 3,900 คนของพรรคที่จะมุ่งหน้าไปร่วมการประชุมซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในวันที่ 19 สิงหาคมในนครชิคาโก ได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเขา

ก่อนหน้านี้ผู้นำพรรคได้วางแผนที่จะเสนอชื่อไบเดนอย่างเป็นทางการผ่านวิดิโอคอลล์ก่อนการประชุม เนื่องจากปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับรัฐโอไฮโอ

เมื่อไบเดนออกจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ไม่ชัดเจนว่าการประชุมช่วงแรกนั้นจะเกิดขึ้นหรือเมื่อใด แต่การเสนอชื่อผู้ที่จะมาแทนที่เขา จะตกเป็นหน้าที่ของผู้ได้รับมอบหมายในท้ายที่สุด

“ผู้แทนของเราเตรียมพร้อมที่จะรับผิดชอบอย่างจริงจังในการส่งมอบผู้สมัครให้กับชาวอเมริกันอย่างรวดเร็ว” แฮร์ริสันกล่าว พร้อมเสริมว่า “กระบวนการนี้จะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ของพรรค”

การเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้ายอาจทำให้การเมืองสหรัฐฯ ย้อนกลับไปในสมัยก่อน เมื่อหัวหน้าพรรคแย่งชิงผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อผ่านการทำข้อตกลงลับๆ นอกการประชุมทางการ และต้องผ่านการลงคะแนนเสียงรอบไม่รู้จบ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2511 ลินดอน จอห์นสัน ประธานาธิบดีในขณะนั้นได้ประกาศอย่างน่าตกใจในช่วงกลางสงครามเวียดนามว่าเขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งใหม่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้จะได้ประกาศก่อนหน้านี้ในการรณรงค์หาเสียงนานกว่าของไบเดน แต่กลับทำให้การประชุมในปีนั้นซึ่งก็จัดในชิคาโกเช่นกัน กลายเป็นวิกฤติทางการเมือง โดยผู้ประท้วงตามท้องถนนและผู้แทนฝ่ายซ้ายโกรธต่อจุดยืนสนับสนุนสงครามของผู้ที่ถูกเลือกโดยพรรค ผู้สมัคร ฮิวเบิร์ต ฮัมฟรีย์

หลังจากการล่มสลายครั้งนั้น รัฐต่างๆ ก็ได้ยอมรับกระบวนการหลักและอนุสัญญาต่างๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น การประชุมกลายเป็นเพียงการอนุมัติตามขั้นตอน เพราะผลลัพธ์ก็เป็นที่รู้จักล่วงหน้าแล้วผ่านการตกลงกันในพรรคอย่างมีประสิทธิภาพ

- ใครจะก้าวเข้ามา? -
ทันทีหลังจากการผลงานอันหายนะของไบเดนในการดีเบตกับทรัมป์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ซึ่งเพิ่มความกังวลเรื่องอายุที่สูงเกินไปและความสามารถของเขาในการเอาชนะพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้ง กระนั้น พรรคเดโมแครตก็ยังแสดงท่าทีสนับสนุนประธานาธิบดี อย่างน้อยก็เท่าที่มีการเปิดเผยข้อมูลกันต่อสาธารณะ

แต่ท่าทีเช่นนั้นเริ่มหมดไป หลังจากผู้นำพรรคที่อาวุโสมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างตั้งคำถามต่อสาธารณะถึงความเป็นไปได้ของไบเดนที่จะชิงตำแหน่งในการเลือกตั้งครั้งนี้

ทางเลือกที่เป็นกลไกปกติแต่ไม่ใช่โดยอัตโนมัติ (เพราะพรรคต้องอนุมัติด้วย) คนที่จะเข้ามาแทนที่ไบเดนคือรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งไบเดนให้การรับรองอย่างรวดเร็วหลังจากเขาประกาศถอนตัว และแฮร์ริสให้คำมั่นว่าจะสานต่อการหาเสีงต่อไป

“ด้วยการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัวและรักชาตินี้ ประธานาธิบดีไบเดนกำลังทำสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิตการทำงาน นั่นคือการให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันและประเทศของเราเหนือสิ่งอื่นใด” แฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์

“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการรับรองจากประธานาธิบดี และความตั้งใจของฉันคือการได้รับและชนะการเสนอชื่อครั้งนี้…”ฉันจะทำทุกอย่างตามอำนาจของฉันเพื่อรวมพรรคเดโมแครต – และรวมชาติของเรา – เพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์”

อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ก็สนับสนุนแฮร์ริสเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ แฮร์ริส ต้องออกมากู้สถานกาารณ์หลังผลงานที่ล้มเหลวของไบเดนในดีเบตกับทรัมป์ ตอนนั้นแฮร์ริสวัย 59 ปีก็ยังยอมรับว่าไบเดน "ออกสตาร์ทช้า" กับทรัมป์ แต่ "จบอย่างแข็งแกร่ง"

หากไม่ใช่แฮร์ริส มิฉะนั้นตัวเลือกของพรรคก็ต้องเป็นนักการเมืองพรรคเดโมแครตที่เข้มแข็งจำนวนหนึ่ง ได้แก่ ผู้ว่าการเกวิน นิวซัม (Gavin Newsom) จากแคลิฟอร์เนีย, เกรทเชน วิทเมอร์ (Gretchen Whitmer) จากมิชิแกน และ ไจ ชาพิโร (Josh Shapiro) จากเพนซิลเวเนีย อาจถูกเรียกตัวมาเป็นผู้ชิงตำแหน่งผู้แทนพรรค

อย่างไรก็ตาม เกวิน นิวซัม แสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส นั่นหมายความว่าเขาอาจไม่แย่งชิงตำแหน่งผู้แทนพรรคจากเธอไป

- โอกาสของบุคคลที่สาม? -
เมื่อไบเดนลาออก ความหวังขึ้นมาว่าจะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองที่สามจะเกิดขึ้นได้หรือไม่? จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีผู้สมัครอิสระรายใดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบสองพรรคที่ครอบงำสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้

ในปี 1992 รอย เพโรต์ (Ross Perot) มหาเศรษฐีชาวเท็กซัสซึ่งลงสมัครในฐานะอิสระ ได้รับคะแนนโหวตเกือบ 19 เปอร์เซ็นต์

แต่ท้ายที่สุดแล้ว เนื่องจากวิธีการทำงานของระบบการเลือกตั้งของประเทศ เขาจึงไม่ได้รับคะแนนเสียงที่สำคัญที่สุดแม้แต่เสียงเดียว ซึ่งก็คือคะแนนเสียงจากคณะเลือกตั้ง หรือ  Electoral College ทั้งหมด 538 คนซึ่งท้ายที่สุดแล้วเป็นผู้ตัดสินผู้ชนะ

Agence France-Presse

TAGS: #ไบเดน