คนฝรั่งเศสลุกฮือทั่วประเทศ ทิ้งงานปิดถนนประท้วงจลาจลลุกลาม กดดันรัฐบาลมาครงถอนร่างกฎหมายปฏิรูประบบเงินบำนาญ
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุประท้วงใหญ่ในฝรั่งเศสจากกรณีที่ชาวฝรั่งเศส ไม่พอใจแผนปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาลประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งมีแผนปรับขึ้นอายุผู้มีสิทธิ์รับเงินบำนานเกษียณอีก 2 ปี นั่นหมายความว่าจากเดิมที่คนฝรั่งเศสจะเกษียณที่อายุ 62 ปี เปลี่ยนเป็น 64 ปี อีกทั้งเพิ่มจำนวนปีที่ประชาชนต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเกษียณเป็น 43 ปี เพื่อจะได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวน
คาดว่าจะมีการลงมติร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
การประท้วงดังกล่าว เริ่มลุกลามบานปลายตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่่ผ่านมา หลังจากที่บรรดาสหภาพแรงงานฝรั่งเศส ผละงานไม่เก็บกำจัดขยะในกรุงปารีส ทำให้สภาพกรุงปารีสตอนนี้เต็มไปด้วยขยะกองพะเนินทั่วทุกมุมถนน
ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มผู้คนก่อจลาจล ทั้งจุดไฟเผาข้าวของต่างๆ พร้อมขว้างปาสิ่งของและยิ่งประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลที่พยายามเข้าควบคุมสถานการณ์
การประท้วงมีขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 260 จุดทั่วประเทศ โดยกลุ่มสหภาพแรงงานในหลายกลุ่ม ตั้งแต่การออกมาปิดถนนเส้นทางที่เดินทางไปยังสนามบินชาลส์ เดอ โกล นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งสาธารณะ โรงเรียน และโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่ง โดยมีรายงานว่าในบางวันรถไฟใต้ดินไม่อาจให้บริการได้จนต้องยกเลิกการเดินรถชั่วคราว ครูในโรงเรียนหลายแห่งพร้อมใจกันหยุดงาน
ขณะเดียวกันมีรายงานการถูกตัดไฟฟ้าในบางพื้นที่ หลังสหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆ ประกาศยกระดับกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีมาครง ให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากการพิจารณาของสภา
"กษัตริย์ชาร์ลส์" เลื่อนเยือนฝรั่งเศส
เหตุประท้วงในฝรั่งเศสยังสร้างผลกระทบต่อ กำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยือนฝรั่งเศสของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ที่มีกำหนดในวันระหว่างวันที่ 26-29 มี.ค.เนื่องจากเหตุจลาจล
รัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสทำการตัดสินใจ หลังจากที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3
การเดินทางดังกล่าวนับเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 นับตั้งแต่ที่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในเดือนกันยายนที่ปีที่ผ่านมา