'เขมรเสียเมือง'? ตระกูลฮุนยกสี่จังหวัดกัมพูชาให้เวียดนามจริงหรือ

'เขมรเสียเมือง'? ตระกูลฮุนยกสี่จังหวัดกัมพูชาให้เวียดนามจริงหรือ

ช่วงนี้การเมืองกัมพูชาสั่นคลอนอีกครั้ง เพราะมีข่าว (ลือ?) ว่ารัฐบาล (ที่บัญชาโดยคนตระกูลฮุนสองพ่อลูก) ได้ยก 4 จังวัดทางภาคตะวันออกให้กับเวียดนามไปแล้ว นั่นคือ รัตนคีรี, มณฑลคีรี, กระแจะ และสตึงเตรง

จังหวัดพวกนี้เป็นพื้นที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์และยังขาดการพัฒนา และขาดการตั้งถิ่นฐานของประชากร บางส่วนของจังหวัดพวกนี้เคยเป็นดินแดนของประเทศสยามมาก่อน และเราเรียกว่า 'เขมรป่าดง' ซึ่งก็สมชื่อเพราะเต็มไปด้วยป่าดง มีแม่น้ำโขงส่วนที่ไหลเชี่ยวและเต็มไปด้วยเกาะแก่ง และมีประชากรเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่อาศัยในป่าและภูเขา

ข่าว (ลือ) ที่ว่านี้ทำให้คนกัมพูชาตื่นตัวกันใหญ่ว่ารัฐบาลจะขายชาติเสียแล้วกระมัง ในหมู่พวกที่ต่อต้านรัฐบาลยิ่งกระพือเรื่องนี้กันใหญ่ เพราะเห็นว่าตระกูลฮุนกุมอำนาจมานาน และมักจะหากินกับบ้านเมืองตามใจชอบ พอมีข่าวนี้มาจึงปั่นกันใหญ่

ฟากรัฐบาลก็แก้ข่าวว่า ข้อหาเรื่องขายชาติขายแผ่นดินไม่เป็นความจริง เพราะทั้ง 4 จังหวัดเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการพัฒนาร่วมกัมพูชา-ลาว-เวียดนาม ที่เรียกว่า Cambodia-Laos-Vietnam Development Triangle Area (CLV-DTA)

Phtoto - แผนที่ 'แคต' หรือเขตหรือจังหวัดของกัมพูชา พื้นที่ในสี่เหลี่ยมสีแดง คือ 4 จังหวัดที่มีข่าวลือเรื่องยกให้เวียดนาม 

จากการรายงานของ Khmer Times โฆษกของรัฐบาลกัมพูชาถึงกับออกแถลงการณ์จำนวน 2 หน้ากระดาษ เพื่อยืนยันกับสาธารณชนว่าจะไม่มีการผนวก 4 จังหวัดของกัมพูชาเข้ากับเวียดนาม "ตามที่กลุ่มหัวรุนแรงจำนวนเล็กน้อยกล่าวหา" 

และย้ำว่า "ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะแบ่งปันทั้ง 4 จังหวัดกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อก่อตั้งเป็นดินแดนเดียวกัน และไม่มีการแบ่งปันทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ หรือทรัพยากรป่าไม้ของทั้ง 4 จังหวัดเพื่อร่วมลงทุนดังที่ได้กล่าวมาแล้ว" จากการรายงานของ Khmer Times

ฮุน เซน ในฐานะประธานวุฒิสภานั้นเดือดดาลมากกับการปั่นข่าวเสียแผ่นดิน ถึงกับเรียกร้องให้มีการลงโทษอย่างเข้มงวดกับผู้บิดเบือนข่าวเกี่ยวกับ CLV-DTA พร้อมกับเผยว่าตอนนี้มีการจับตัวคนปล่อยข่าวไปแล้ว 3 คน (ข้อมูลวันที่ 23 กรกฎาคม) 

'สมเด็จ ฮุน เซน' กล่าวซึ่งอ้างโดย Khmer Times ว่า “มีข้อตกลงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนอำนาจอธิปไตยหรือไม่ หากมี เหตุใดจึงจำเป็นที่ทั้งสามประเทศจะต้องแบ่งเขตแดนร่วมกัน ข้อกล่าวหานี้ถือเป็นการดูหมิ่นที่ไม่อาจยอมรับได้ ผมขอให้ศาลลงโทษสูงสุด และขอให้กระทรวงยุติธรรมและเรือนจำอย่านำบุคคลเหล่านี้ไปขึ้นบัญชีดำเพื่อขอผ่อนผันโทษหรืออภัยโทษ พวกเขาควรรับโทษให้ครบถ้วนเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงและเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง”

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดูหมิ่นประเทศกัมพูชา แต่เป็นการดูหมิ่นผู้มีอำนาจในเมืองเขมรด้วย เพราะผู้อำนาจพวกนั้นกุมชะตากรรมของประเทศแบบไม่ยอมแบ่งใคร มีผลประโยชน์มาก็แบ่งกันในหมู่เหล่า แต่พอมีเรื่องครหาก็ไม่ยอมรับเอาเลย คนพวกนี้คือ 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' นั่นเอง

ลองมาฟังข้อความกังวลของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกันบ้าง จากรายงานของ VOA ภาคภาษาเขมร ได้สัมภาษณ์นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมและการเมืองที่ชื่อ 'โลก สรุน สรอน'  (លោក ស្រ៊ុន ស្រ៊ន) ซึ่งที่ผ่านมาเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันการบังคับใช้ข้อตกลงปารีสปี 2534 (1991 Paris Peace Agreements) ซึ่งว่าด้วยการถอนอิทธิพลเวียดนามอกจากกัมพูชา หลังจากเวียดนามยกทัพมายึดกัมพูชาไว้เพื่อรบกับไล่เขมรแดง และตกลงให้กัมพูชามีอธิปไตยเป็นของตนเอง

แต่คนกัมพูชาจำนวนหนึ่งไม่คิดว่าประเทศตัวเองมีอธิปไตยเต็มร้อยและไม่คิดว่าเวียดนามไม่มีอิทธิพลเหนือกัมพูชาอีกแล้ว ตรงกันขามเวียดนามยังมีหุ่นเชิดในกัมพูชา นั่นคือ ฮุน เซน นั่นเอง 

โลก สรุน สรอน บอกกับ VOA ว่าแม้เขาจะเชื่อว่าโครงการ 4 จังหวัดในกลุ่ม CLV-DTA หรือ 'โครงการสามเหลี่ยม CLV' จะช่วยสร้างงานในพื้นที่ดังกล่าวได้ครึ่งล้านตำแหน่ง 

แต่เขาเตือนว่า กัมพูชาจะกลายเป็น 'หุ่นเชิด' ของเวียดนาม และอาจสูญเสียดินแดนเหล่านั้นไป เหมือนรัชสมัยของพระไชยเชษฐาที่ 2

พระไชยเชษฐาที่ 2 ที่อ้างถึง คือกษัตริย์กัมพูชาในสมัยศตวรรษที่ 17 ตรงกับสมัยเกือบจะปลายกรุงศรีอยุธยาของไทย ในเวลานั้นอยุธยาเป็นศัตรูกับกัมพูชา กษัตริย์กัมพูชาองค์นี้จึงคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากเวียดนามเพื่อป้องกันการคุกคามของอยุธยา

ในเวลานั้นยังไม่มีประเทศเวียดนาม แต่ดินแดนของเวียดนามในเวลานั้นแบ่งการปกครองเป็นเจ้าตระกูลจิ่ญปกครองทางตอนเหนือ และเจ้าตระกูลเหงียนปกครองตอนใต้ ในเวลานั้นภาคใต้ของเวียดนามยังเป็นดินแดนของกัมพูชา เพื่อที่จะขอกำลังจากพวกเจ้าตระกูลเหงียนมาคุ้มกัน พระไชยเชษฐาที่ 2 จึงเสกสมรสกับเจ้าหญิงตระกูลเหงียน คือ เหงียน ฟุก หง็อก วัน ธิดาของประมุขเจ้าตระกูลเหงียน และมีมารดาเป็นคนตระกูลมั่ค ซึ่งหนึ่งเป็นราชตระกูลเก่าแก่ของเวียดนาม

คนเขมรเชื่อว่า "พระเจ้าแผ่นดินหูเบาเพราะเชื่อมเหสีต่าวด้าว" พระไชยเชษฐาที่ 2 จึงยอมให้เจ้าตระกูลเหงียนมาตั้งด่านภาษีที่เมืองไพรนคร ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นให้คนเวียดนาม หรือ 'ยวน' ตามที่คนเขมรเรียก เริ่มอพยพเข้ามาในตอนใต้ของกัมพูชา จนกระทั่งการอพยพกลายเป็นการตั้งหลักแหล่งถาวร และทำให้ดินแดนตอนใต้ของกัมพูชากลายเป็นดินแดนใต้ของเวียดนามนับแต่นั้น 

จนถึงปัจจุบันนี้ คนกัมพูชาก็ยังเสียดายดินแดนพวกนั้น และเรียกดินแดนนั้นว่า 'แขมร์กรอม' หรือเมืองเขมรตอนใต้หรือตอนล่าง ส่วนเมืองไพรนครที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเสียดินแดน ก็คือเมืองไซ่ง่อน หรือนครโฮจิมิญในปัจจุบัน  

Photo - แผนที่ของ 'แขมร์กรอม' หรือดินแดนตอนใต้เดิมของกัมพูชา ที่ตกเป็นของเวียดนามในปัจจุบัน บางครั้งเพราะแนวคิดชาตินิยมที่รุนแรง ชาวเขมรบางคนเรียกดินแดนนี้ว่า 'กัมปูเจียกรอม' หรือกัมพูชาตอนล่าง 

เนื่องจากประวัติศาสตร์มันชอกช้ำแบบนี้ คนกัมพูชาจึงระแวงเวียดนามและระแวงผู้ปกครองที่ใกล้ชิดกับเวียดนามเป็นพิเศษว่าจะ 'ขายชาติ'

โดยเฉพาะฮุน เซน มีความเกี่ยวข้องกับเวียดนามที่แนบแน่นเป็นพิเศษ ที่ฮุน เซน มีอำนาจขึ้นมาได้ในทุกนี้เพราะก็ได้เวียดนามช่วยเบิกทางให้ และเป็นที่ทราบกันว่าฮุน เซน คือ 'หุ่นเชิด' ของเวียดนามหลังจากข้อตกลงปารีสปี 2534 

โลก อึม สัมอาน (លោក អ៊ុំ សំអាន) อดีตสมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของ สม รังสี อันเป็นศัตรูตัวฉกาจของระบอบฮุน เซน กล่าวกับ VOA ว่าเขาเชื่อว่าโครงการสามเหลี่ยมกัมพูชา-ลาว-เวียดนาม ไม่น่าจะก่อประโยชน์อะไร และรัฐบาลกัมพูชาอ้างเรื่องการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 

เขาบอกว่า "แต่ฮุนเซนเป็นหนี้บุญคุณเวียดนามที่เวียดนามได้สถาปนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณเวียดนาม เขาจึงต้องการรวม 3 จังหวัดนี้ (ที่จริงคือ 4 จังหวัด)เข้าด้วยกันกับเวียดนามเพื่อแสดงความขอบคุณเวียดนามที่เวียดนามช่วยสถาปนาฮุน เซน ขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980" 

โลก อึม สัมอาน ยังชี้ให้เห็นด้วยว่าการยกจังหวัดเหล่านี้ขึ้นมาในโครงการที่ว่าก็ "เพื่อรำลึกถึงพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน ซึ่งมี 3 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม และลาว ดินแดนทั้งหมดใน 4 จังหวัดดังกล่าวจะหายไปในเวียดนาม"

เรื่องที่อ้างว่าการผนวกจังหวัดของกัมพูลชาก็เพื่อ "รำลึกถึงพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน" เรื่องนี้คล้ายกับทัศนะของ โลก สรุน สรอน ที่บอกว่า "กัมพูชาจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเวียดนาม เป็นการบรรลุความฝันของชาวเวียดนามในการก่อตั้งขบวนการคอมมิวนิสต์อินโดจีนในอินโดจีน กัมพูชา เวียดนาม และลาวจะมีรัฐบาลเดียวคือเวียดนาม นี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา" 

เป็นความจริงที่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนประกอบด้วยสมาชิกจากสามประเทศดังกล่าว เพราะในเวลานั้นทั้งสามประเทศเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส และรวมเป็นองคพายพเดียวกันเรียกว่า 'อินโดจีนของฝรั่งเศส' ในเวลานั้นมีกลุ่มฝ่ายซ้ายและกลุ่มเรียกร้องเอกราชตั้งขบวนการคอมมิวนิสต์ขึ้นมานำโดย 'พวกยวน' แม้จะรวมสามชาติ แต่คนเขมรก็รู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า 'พวกยวน' มีเจตนาตั้งขบวนการรวมสามชาติก็เพื่อหวังจะกลืนสามชาติเป็นหนึ่งเดียวโดยมีตนเองเป็นผู้นำ 

นี่คือความระแวงของคนเขมรตั้งแต่ตอนนั้น และจนถึงตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าเวียดนามยังไม่ล้มเลิกความคิดที่ว่า ทุกวันนี้ยังมีการ 'ปั่น' เรื่อง 'สมาพันธรัฐอินโดจีน' กันอยู่

ส่วนหนึ่งก็เพราะเวียดนามยังเป็นคอมมิวนิสต์ ลาวก็เป็นคอมมิวนิสต์ (ที่เวียดนามช่วยสถาปนา) และกัมพูชายังมีผู้นำที่เวียดนามช่วยสถปนาอำนาจขึ้นมา คือฮุน เซน

ดังนั้น ถ้าจะมีข่าวลือเรื่องรัฐบาลตระกูลฮุนยก 4 จังหวัดถวายพานให้เวียดนามก็ไม่แปลก เพราะเบื้องหลังของฮุน เซน มีเวียดนามเป็นเงาติดตามอยู่ 

ป.ล. 
มีเรื่องน่าคิดอีกประเด็น เรื่อง 'คลองฟูนันเตโช' โปรเจกต์ใหญ่ของฮุน เซน ที่จะขุดคลองลัดจากแม่น้ำโขงออกทะเลที่อ่าวไทย เพื่อเลี่ยงการพึ่งพาการออกทะเลที่ปากแม่น้ำโขง ซึ่งครอบครอบโดยเวียดนาม (นั่นคือดินแดนแขมร์กรอม ที่กัมพูชายกให้เวียดนามแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง) 

แต่ 'คลองฟูนันเตโช' ทำให้เวียดนาม 'กังวลใจ' เพราะคลองนี้อาจมีปัญหาทางยุทธศาสตร์ต่อเวียดนาม เนื่องจากปากทางออกที่อ่าวไทยใกล้กับฐานทัพเรือกัมพูชา ซึ่งอนุญาตให้กองทัพเรือจีนเข้ามาใช้ จึงวิจารณ์กันว่าคลองนี้อาจมีเรือรบจีนเข้าออกได้ หรือถึงขั้นชี้ว่ามันสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายอำนาจของกองทัพจีนในแม่น้ำโขง

ระยะหลังดูเหมือนว่าฮุน เซนและรัฐบาลกัมพูชาจะเอื้ออำนวยให้จีนเป็นพิเศษ อดคิดไม่ได้ว่าจะดึงจีนเข้ามาช่วยสลัดอำนาจเวียดนามหรือไม่? เพราะผู้มีอำนาจกัมพูชามักเล่นเกมส์นี้มาแต่ไหนแต่ไร คือเอามือที่สองและที่สามมาเป็น 'ไม้กันหมา' อำนาจคุกคามอื่น

แต่ฮุน เซน จะทำสำเร็จได้ง่ายๆ หรือ? และโปรดสังเกตว่าข่าวลือเรื่องใส่พาน 4 จังหวัดยกให้เวียดนามนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวเรื่องความกังวลของเวียดนามต่อคลองฟูนันเตโชพอดี 

หรือว่านี่จะเป็น 'บรรณาการชดเชย' ให้กับเวียดนามเพื่อแลกกับการขุดคลอง?

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการ และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better 

Photo -  ฮุน เซน (กลาง) ในฐานะประธานวุฒิสมาชิกกัมพูชา เดินผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อมาถึงอาคารวุฒิสภาในระหว่างการประชุมวุฒิสภาครั้งแรกในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 (ภาพโดย TANG CHHIN SOTHY และ TANG CHHIN SOTHY / AFP)
 

TAGS: #กัมพูชา #เวียดนาม