วิเคราะห์ความบ้าระห่ำของยูเครน ทำไมกล้าบุกโจมตีรัสเซียถึง'แผ่นดินแม่'

วิเคราะห์ความบ้าระห่ำของยูเครน ทำไมกล้าบุกโจมตีรัสเซียถึง'แผ่นดินแม่'

สถานการณ์เบื้องหลัง
1. เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) ในระหว่างสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ กองทัพยูเครน (AFU) ได้เปิดฉากโจมตีในแคว้นคูสค์ (Kursk Oblas) ของรัสเซีย และปะทะกับกองทัพรัสเซียและหน่วยรักษาชายแดนของรัสเซีย

2. แคว้นคูสค์ หรือคูสค์โอบลาสต์  (Kursk Oblast) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย มีพรมแดนติดกับแคว้นซูมืย ของยูเครน ตามรายงานของรัสเซีย ทหารยูเครนอย่างน้อย 1,000 นายข้ามชายแดน โดยได้รับการสนับสนุนจากรถถังและรถหุ้มเกราะ

3. กองกำลังยูเครนสามารถเข้าควบคุมนิคมหลายแห่งในเขตซูดจานสกี จนต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตคูร์สค์ และมีต้องรีบส่งกองหนุนของรัสเซียมายังพื้นที่นั้น ณ วันที่ 8 สิงหาคท มีรายงานอ้างว่าเขตการสู้รบได้ขยายออกไปถึง 430 ตารางกิโลเมตร

4. จากรายงานวันที่ 9 สิงหาคม รัสเซียเริ่มใช้ “ระบอบปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย” ภายใต้การบัญชาการของ FSB (สำนักงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ) ในแคว้นคูร์สค์, แคว้นเบรียนสค์ และแคว้นเบลโกรอด ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อเข้าควบคุมภูมิภาคเป็นการชั่วคราวจนกว่าสภาพแวดล้อมจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

5. ในทางปฏิบัติ หมายความว่าภายใต้ปฏิบัติการนี้ “การเคลื่อนไหวจะถูกจำกัด ยานพาหนะอาจถูกยึด การโทรออกจะถูกติดตาม พื้นที่ต่างๆ ถูกประกาศให้เป็นเขตห้ามเข้า มีการตั้งจุดตรวจ และเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่ไซต์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ”

6. ทั้งนี้ นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียเริ่มขึ้นในปี 2022 กองกำลังที่สนับสนุนยูเครนก็ได้รุกรานรัสเซียหลายครั้ง แต่การรุกรานเคิร์สก์ของกองทัพยูเตครน ถือเป็นการโจมตีข้ามพรมแดนเข้ามาในรัสเซียที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่การรุกรานในปี 2022

บทวิเคราะห์การตีแสกหน้ารัสเซีย
การโจมตีครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นปฏิบัติการของกองทัพยูเครน แต่ผู้นำและคนในรัฐบาลยูเครนไม่ได้ยอมรับโดยตรงว่าเป็นปฏิบัติของพวกตน เช่น ในการกล่าวสุนทรพจน์ตอนเย็นวันที่ 8 สิงหาคม โวโลดิมี เซเลนสกี ประธานาธิดียูเครนกล่าวว่า "รัสเซียได้นำสงครามมาสู่ดินแดนของเรา และควรจะรู้สึกถึงสิ่งที่ตนได้ทำ" แต่ไม่ได้พูดถึงการบุกรุกโดยตรง

ในขณะที่ ไมคาอิโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกี ออกแถลงการณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมในนามของยูเครน ซึ่งไม่ได้ยอมรับบทบาทใดๆ ของรัฐบาลยูเครนในการรุกรานครั้งนี้ แต่ระบุว่าการบุกรุกครั้งนี้เป็นการที่ประชาชนชาวรัสเซียลุกขึ้นต่อต้านวลาดิมีร์ ปูติน

แม้แต่สหรัฐฯ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการแจ้งว่าจะมีการโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสซีย ทำเนียบขาวกล่าวว่ากำลังขอความเข้าใจจากยูเครนเกี่ยวกับการบุกรุกดังกล่าว และเสริมว่าไม่มีข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ 

แต่สำนักข่าว CNN ชี้ว่า การโจมตีดินแดนของรัสเซียในครั้งนี้ "เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับรัฐรัสเซียที่ภาคภูมิใจในการปกป้องมาตุภูมิ" ซึ่งคำว่า มาตุภูมิ หรือแผ่นดินแม่ (motherland) เป็นคำที่มีนัยสำคัญต่อปลุกเร้าความรักชาติและการปกป้องประเทศของรัสเซียจากการรุกรานของต่างชาติ

สถาบันการศึกษาสงคราม ( Institute for the Study of War) ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรในสหรัฐฯ ที่ศึกษาเรื่องการทำสงคราม วิเคราะห์โดยอ้างแหล่งข้อมูลจากรัสเซีย ระบุว่าฝ่านยูเครนใช้ "ยุทธวิธีใหม่และสร้างสรรค์" และหน่วยยานเกราะขนาดเล็กหลีกเลี่ยงการป้องกันของรัสเซีย โจมตีทางด้านหลังแล้วจึงล่าถอย

อย่างไรก็ตาม Financial Times วิเคราะห์ว่า การโจมตีของฝ่ายยูเครน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนโมเมนตัมของการต่อต้านรัสเซีย แต่ปฏิบัติการนี้ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากผู้นำยูเครน และยังทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิเคราะห์ที่ตั้งคำถามถึงความชาญฉลาดเชิงยุทธศาสตร์ในการส่งกองกำลังของฝ่ายยูเครนที่แบกรับภารระอันหนักอึ้งอยู่แล้ว เข้าไปยังดินแดนของรัสเซีย

ดูเหมือนว่า นักวิเคราะห์จะเห็นว่าการโจมตีครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มารภะให้ยูเครนเปล่าๆ เช่น ตามที่ ร็อบ ลี (Rob Lee) ซึ่งเป็นนักวิจัยอาวุโสในโครงการยูเรเซียของสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศ (Foreign Policy Research Institute) กล่าวว่า การรุกครั้งนี้เพิ่มแรงกดดันให้กับกำลังทหารของยูเครนมากขึ้น เพราะมันจะบั่นทอนกำลังสำรองของยูเครนลง เพื่อใช้รับมือกับการรุกรานของรัสเซียในไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของยูเครน

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว AFP รายงานเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมว่า กองกำลังยูเครน “หลายพันนาย” กำลังเข้าร่วมการบุกรุกในแคว้นคูสค์ ในรัสเซีย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อ “สร้างแรงกดดัน” กองกำลังรัสเซียและ “ก่อความไม่สงบ” ในประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของยูเครนกล่าวกับ AFP

“เรากำลังรุก จุดมุ่งหมายคือขยายตำแหน่งของศัตรู สร้างความสูญเสียให้มากที่สุด และทำให้สถานการณ์ในรัสเซียไม่มั่นคง เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถปกป้องชายแดนของตนเองได้” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกล่าวโดยขอไม่เปิดเผยชื่อ

การบุกรุกของยูเครนในแคว้นคูสค์ของรัสเซียทำให้ขวัญกำลังใจในประเทศ "สูงขึ้นอย่างมาก" และเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกล่าวโดยขอไม่เปิดเผยชื่อ และเสริมว่า "การปฏิบัติการนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถรุกและเดินหน้าต่อไปได้"

นอกจากนี้ ยูเครนจะ "ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด" ระหว่างการบุกรุกรัสเซีย และไม่มีแผนจะผนวกดินแดนใดๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของยูเครนกล่าวกับเอเอฟพี

"เป็นเรื่องสำคัญมากที่ยูเครนจะไม่ละเมิดอนุสัญญาใดๆ เราปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด เราไม่ประหารชีวิตนักโทษ เราไม่ข่มขืนผู้หญิง เราไม่ปล้นสะดม" เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกล่าวโดยขอไม่เปิดเผยชื่อ โดยเปรียบเทียบจุดยืนนี้กับการละเมิดหลายครั้งที่ถูกกล่าวหาโดยกองทหารรัสเซีย

Photo - ภาพถ่ายแจกนี้เผยแพร่โดยฝ่ายบริการข่าวของกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกำลังให้ความช่วยเหลือผู้คนที่อพยพออกจากนิคมชายแดนในแคว้นเคิร์สค์ ขณะที่พวกเขามาถึงสถานีรถไฟในเมืองโอริออล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2024 (Photo by RUSSIAN EMERGENCY SITUATIONS MINISTRY / AFP) 
 

TAGS: #รัสเซีย #ยูเครน