สื่ออิสระ MintPress News เปิดเผยว่าได้รับเอกสารลับที่ระบุถึงแผนการของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ที่จะใช้หน่วยงานที่เป็นเหมือนตัวแทนของตน คือ National Endowment for Democracy (NED) ในการเคลื่อนไหว "การปฏิวัติสี" (Color revolution) เพื่อโค่นล้มผู้นำอินโดนีเซีย
การปฏิวัติสี หมายถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนบางกลุ่มที่ใช้สัญลักษณ์เฉพาะ เช่นสีสันต่างๆ เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันในการโค่นล้มรัฐบาลของประเทศตน เช่น Orange Revolution ในยูเครน เป้าหมายคือการก่อตั้งระบอบกรปกครองใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมแบบบตะวันตก แต่รัสเซียและจีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าวางแผนการปฏิวัติเหล่านี้เพื่อขยายอิทธิพลของตนต่างหาก
ส่วน National Endowment for Democracy (NED) คือองค์กรกึ่งรัฐกึ่งเอกชน ในฉากหน้าได้รับเงินทุนหลักจากการจัดสรรประจำปีจากรัฐสภาสหรัฐอเมริกา แต่ในทางปฏิบัติและในทางลับ NED ได้ดำเนินกิจกรรมบางอย่างที่ CIA เคยทำไว้ ซึ่งทำให้กลุ่มการเมือง นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ และรัฐบาลบางกลุ่มกล่าวว่า NED เป็นเครื่องมือของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศที่สหรัฐฯต้องการจะเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล
เรื่องนี้มีตัวอย่าง คือเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ในกรณีที่ เคอเจียซวิ่น (Kua Kia Soong/柯嘉逊) นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวมาเลเซีย วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านของมาเลเซีย คือ ปากาตัน ฮารัปปัน (Pakatan Harapan) ที่รับเงินทุนจากมูลนิธิ NED ซึ่ง เคอเจียซวิ่น ชี้ว่าคือ "แนวร่วมซอฟต์พาวเวอร์ของ CIA" และเขาเรียกร้องให้องค์กรภาคประชาสังคมมาเลเซียหยุดรับเงินทุนจาก NED เนื่องจากจะบั่นทอนความชอบธรรม ความเป็นอิสระ และประสิทธิภาพของพวกเขา ซึ่งหมายถึงการตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของสหรัฐฯ ในการสั่นคลอนมาเลเซียนั่นเอง
ล่าสุด เพื่อนบ้านอาเซียนของไทยและมาเลเซีย คือ อินโดนีเซีย ตกเป็นเป้าหมายการล้มล้างการปกครองโดย NED จากเอกสารลับที่หลุดมาถึงมือของ MintPress News ซึ่งมีรายละเอียดระบุว่า NED พยายามล้มล้างการนำประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย เนื่องจากเขา "ไม่โปรสหรัฐฯ" มีท่าทีวางตัวเป็นกลางไม่เลือกฝ่ายในการเมืองโลก และยังต่อต้านอิสราเอลและสนับสนุนเอกราชของปาเลสไตน์
เอกสารลับออกมานั้นเป็นข้อมูลสรุปประจำสัปดาห์ที่ส่งจากสำนักงานอินโดนีเซียของสถาบันรีพับลิกันระหว่างประเทศ (International Republican Institute: IRI) กลับไปยังสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตันในช่วงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม 2023 IRI เป็นส่วนประกอบหลักของ NED ซึ่งโดยปกติจะทำงานร่วมกับสถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติอีกแห่งหนึ่งในการปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในต่างประเทศ ทั้งคู่มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองที่มีชื่อเดียวกันในประเทศของแตน
องค์สมนุของ NED คือ IRI จะรายงานไปถึงศูนย์กลางของ NED เรื่องการ "การเข้าถึง" ผู้นำรุ่นใหม่ในประเทศ ซึ่งได้แก่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการฝึกอบรม NED ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกที่มีชื่อเสียงของพรรคการเมืองหลายสิบพรรค รวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ หลายคนลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2024 โดยได้รับการสอนกลยุทธ์จาก NED เรื่องการหาเสียงและการมีส่วนร่วมของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงท้าทายผลการเลือกตั้งหากไม่ได้เป้าตามที่ต้องการ
ในข้อมูลลับยังระบุถึงการที่ตัวแทนของ IRI ได้พบกับสมาชิกระดับสูงของสถานทูตสหรัฐฯ ในจาการ์ตา รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง คือ เท็ด ไมน์โฮเวอร์ (Ted Meinhover) ซึ่งเขาได้ "ถ่ายทอดความกังวลของสหรัฐฯ" เกี่ยวกับการเลือกตั้งในปี 2024 โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า "โอกาสในการได้รับเลือกตั้ง" ของรัฐมนตรีกลาโหม ปราโบโว ซูเบียนโต ที่ "เพิ่มขึ้นอย่างมาก" หมายความว่าเขา "อยู่ในอันดับสูงสุดตามผลสำรวจ" ในขณะเดียวกัน คะแนนนิยมของอดีตผู้ว่าการจาการ์ตา อนีส บาสเวดาน ก็ "ลดลง"
ทั้งนี้ NED และ IRI รวมถึงสถานทูตสหรัฐฯ ในอินโดนีเซีย ต่างกังวลว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้ผู้นำอินโดนีเซียคนใหม่ที่เป็นคนแบบเดียวกับ โจโค วิโดโด ซึ่งปรากฏว่าในท้ายที่สุดผลก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นคือ ปราโบโว ซูบียันโต ชนะการเลือกตั้งในปีนี้ และเตรียมจะรับตำแหน่งต่อจาก โจโควี ในเดือนตุลาคมปีนี้เช่นกัน
แต่แผนการของพวกเขายังไม่หยุดลงแค่นั้น แม้จะไม่ได้นักการเมือง/พรรคการเมืองที่ตัวเองต้องการ สถานทูตสหรัฐฯ ก็ยังเคลื่อนไหวผ่านขบวนการอื่นๆ โดยในเอกสารลับ ไมน์โฮเวอร์ ยังกล่าวว่าสถานทูตได้ “ดำเนินการอย่างแข็งขันในการเข้าถึง” ผู้นำของพรรคแรงงานท้องถิ่นและสมาพันธ์สหภาพแรงงานของอินโดนีเซีย “เพื่อรับทราบเกี่ยวกับแผนการของพวกเขาในการประท้วง” กฎหมายการสร้างงานที่เพิ่งลงนามโดยวิโดโด เนื่องจากเกรงว่ากฎหมายดังกล่าวจะ “ลดความกระตือรือร้นของนักลงทุนต่างชาติ” ในประเทศนี้ “สหรัฐฯ จึงสนับสนุนกิจกรรมที่ต่อต้านกฎหมายดังกล่าวอย่างหนักแน่น”
ด้วยเหตุนี้ สถานทูตจึงได้แนะนำผู้นำพรรคแรงงานอย่างลับๆ ว่าพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จาก "โอกาส" ของวันประกาศอิสรภาพของอินโดนีเซียในวันที่ 17 สิงหาคม "ในการประท้วง" ต่อกฎหมายการสร้างงานและ "เกณฑ์การรับสมัครประธานาธิบดี" ที่ ไมน์โฮเวอร์ เกลียดชัง
อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียระแคระคายเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลักฐานก็คือเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตของสหรัฐฯ คนหนึ่งได้กล่าวว่าหน่วยข่าวกรองของอินโดนีเซีย (BIN) ได้ "เตือน" สถานทูตเมื่อไม่นานนี้ว่า "อย่าแทรกแซง" การเลือกตั้งปี 2024
แต่จนแล้วจนรอด ไมน์โฮเวอร์ กลับบอกว่าคำเตือนของทางการอินโดนีเซียเหมือนยิ่งห้ามเหมือนยิ่างยุ สถานทูตสหรัฐฯ ยิ่งทำการ “สนับสนุน” กิจกรรมลับๆ ของ IRI อย่างต่อเนื่องเพื่อ “นำนโยบายของสหรัฐฯ มาใช้ต่อไปโดยหลีกเลี่ยงกฎระเบียบของอินโดนีเซีย” ดังนั้น จากการบรรยายสรุปเมื่อวันที่ 8-14 กรกฎาคม สถาบันจึงได้ติดต่อผู้นำพรรคแรงงานและองค์กรแรงงานของอินโดนีเซียจำนวนหนึ่ง ซึ่ง IRI “ให้เงินช่วยเหลือจำนวนเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง” และหารือถึง “แผนการที่จะจัดการประท้วง” เพื่อต่อต้านการสร้างงานและกฎหมายระเบียบการลงสมัครเป็นประธานาธิบดี “ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นเดือนสิงหาคม”
ต่อมาการประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ศาลรัฐธรรมนูญและทำเนียบรัฐบาล ซึ่ง IRI ระบุสถาบันได้ “มอบเงินช่วยเหลือครั้งที่สาม” จำนวน 1,000,000 รูเปียห์แก่ประธานบริหารของพรรคแรงงานปันเดกลัง (Pandeglang Labor party) จากความพยายามประท้วงดังกล่าว และพรรคแรงงานก็ “รู้สึกขอบคุณที่ IRI ให้การสนับสนุนกิจกรรมของพวกเขา” รายงานสรุปเพิ่มเติมว่า “การประท้วงดำเนินไปด้วยดีและ [เสร็จสิ้น] ได้ด้วยดี” นี่แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองหนึ่ง รับเงินจากต่างชาติเพื่อดำเนินเป้าหมายทางการเมืองของตน โดยไม่สนใจว่าจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นหรือไม่
นอกจากนี้ จากข้อมูลสรุปอื่นๆ ยังพบว่ามีองค์กรและบุคคลชาวอินโดนีเซียหลายแห่งได้รับเงินจ่ายโดยตรงจาก IRI ในการทำงานเพื่อบรรลุ "เป้าหมายสำคัญ" บางอย่าง
ดังนั้น ประเทศต่างๆ จึงต้องจับตา NED เอาไว้และบางแห่งถึงกับต่อต้านอย่างตรงไปตรงมา เพราะนี่ไม่ใช่องค์กรธรรมดาที่ให้เงินทุน NGO แบบเปล่าๆ เพราะพวกเขามีวาระซ่อนเร้น อย่างที่ในปี 1991 แอลเลน ไวสตีน (Allen Weinstein) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง NED ได้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่า
"สิ่งที่เราทำในปัจจุบันนั้น คือสิ่งที่ CIA ทำอย่างลับๆ เมื่อ 25 ปีก่อน”
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - (TOPSHOT) - ผู้ประท้วงตะโกนคำขวัญในระหว่างการประท้วงต่อต้านการย้ายเพื่อคว่ำการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนกฎการมีสิทธิ์สำหรับผู้สมัครในการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปีนี้ต่อหน้ารัฐสภาจังหวัดชวาตะวันออกในสุราบายาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 (ภาพถ่ายโดย Juni Kriswanto / AFP)