ด้านมืดและความเหลวแหลกของเกาหลีกำลังทำให้ K-Pop เสื่อมความนิยม

ด้านมืดและความเหลวแหลกของเกาหลีกำลังทำให้ K-Pop เสื่อมความนิยม

ขณะที่คนไทยกำลังวิวาทะกันเรื่อง 'กามิน-ชาลี' เกาหลีใต้กำลังฉาวโฉ่กรณีห้องลับในแอป Telegram ที่พวกผู้ชายโดยเฉพาะพวกวัยรุ่น ขโมยรูปผู้หญิงที่ตัวเองรู้จักเอาไปทำเป็นหนังโป๊โดยใช้ด้านชั่วร้ายของ AI ที่เรียกว่า Deepfake 

ห้องลับที่ว่านี้มันชั่วร้ายแบบทวีคูณเข้าไปอีก เพราะแบ่งห้องย่อยให้พวกลูกชาย พี่ชาย น้องชาย เอารูปของพี่สาว ร้องสาว เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นหญิง ไปจนถึงรูปของแม่ตัวเองเอามาทำ Deepfake หนังโป๊

มันน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้!

ที่น่าตกใจก็คือมีคนที่มีส่วนร่วมกับห้องลับเหล่านี้มากถึง 220,000 คน แต่ที่ควรจะตกใจยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่ข่าวนี้ถูกเปิดโปง 

ถามว่าสังคมตื่นตัวไหม? ตอบว่าตื่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะมีคนเกาหลีเข้าไปสมัคร Telegram เพิ่มถึง 310,000 คน!

สาบานกับฟ้า ผมไม่รู้ว่าจะตกใจกับตัวเลขไหนก่อนดี

แน่นอนว่า Telegram มีส่วนผิดที่ปล่อยให้คนชั่วร้ายพวกนี้มีที่เล่นในแพลตฟอร์ม และทางการเกาหลีก็จ้องจะเอาผิด Telegram ด้วย แต่ผมกลับเห็นว่าเกาหลีตั้งแง่กับ Telegram เกินไปจนเหมือนเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญ

ประเด็นสำคัญคือ สังคมเกาหลีมันตกต่ำได้ขนาดนี้แล้ว และมีแววว่าจะต่ำลงไปได้อีก

ความต่ำลงไปได้อีก ไม่ได้เกิดกับความปกติของสังคมเกาหลีเท่านั้น แต่จะกระทบไปถึงหน้าตาของประเทศและการหาเงินเข้าประเทศด้วย 

มีความเห็นหนึ่งในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับข่าวห้องลับบอกว่า "ทุกวันนี้ฉันรู้สึกว่า K-Drama (ซีรีส์เกาหลีที่ซึ้งๆ หวานๆ) เป็นโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมด ... พวกนั้นให้ภาพว่าผู้ชายเกาหลีช่างแสนดี ในขณะความจริงมันตรงกันข้ามกันเลย"

ผมไม่รู้ว่าคนพูดเป็นชาติไหน แต่ไม่น่าจะเป็นคนเกาหลีใต้ เพราะดูเจ้าตัวจะตกใจกับความดำมืดของเกาหลีที่ไม่เหมือนภาพลักษณ์ของ K-POP

ทุกสังคมมันมีด้านมืดหมดนั่นแหละครับ แต่สังคมเกาหลีใต้มันมืดมราวกับนรกนอเวจียิ่งกว่าที่อื่น และที่ยิ่งมืดเข้าไปอีกก็เพราะไอ้ความดำมืดที่ว่านั้นถูกบดบังไว้อีกชั้นด้วยการสร้างภาพ "ชายหนุ่มที่เพอร์เฟกต์ และหญิงสาวที่ดีพร้อม" 

มันไม่ถึงกับเป็น "โฆษณาชวนเชื่อ" หรอกครับ เพราะ K-POP เป็นแค่ความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง แม้ว่าจะถูกรัฐบาลและภาคเอกชนกระตุ้นเพื่อใช้เป็นซอฟเพาเวอร์และเป็นตัวสร้างยอดขายก็ตาม

แต่ลึกๆ แล้วมันก็แค่ความบันเทิงที่เอาไว้บรรเทาความทุกข์ประจำวันของผู้คนเท่านั้น แต่ปรากฏว่าความจริงที่ K-POP ปิดบังไว้เป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่า 

ความเห็นหนึ่งในโซเชียลมีเดียตอบความเห็นของคนที่ช็อกกับความจริงเรื่องนี้ บอกว่า "มันก็เป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว (ความที่ K-POP เป็นแค่เรื่องหลอกลวง) แต่ซีรีส์เกาหลีที่ฝันหวานถึงความโรแมนติกสุดๆ ส่วนใหญ่เขียนบทโดยผู้หญิง ดังนั้น สำหรับฉันแล้วมันจึงเป็นแค่วิธีการหนึ่งในการหลบหนีจากความจริงที่เกาหลีมีสภาวะที่เหยียดเพศอย่างมาก" 

ถูกต้องแล้ว สังคมเกาหลีเหยียดเพศสูงมาก ผู้หญิงจึงเป็นแค่วัตถุทางเพศของพวกห้องลับใน Telegram แม้ว่าคุณจะเป็นแม่ เมีย หรือพี่สาวน้องสาว หรือเพื่อนสาวที่โรงเรียน คุณก็พร้อมที่จะถูกผู้ชายทุกระดับความสัมพันธ์ย่ำยีได้เท่าๆ กัน

นั่นก็เรื่องหนึ่ง ยังมีปัญหาการกดขี่ผู้หญิงที่รุนแรงมาก เมื่อผู้หญิงลุกขึ้นมาต่อต้านการกดขี่ ผู้หญิงเหล่านั้นจะยิ่งถูกกดขี่หนักเข้าไปอีก ดังนั้น เราจึงเห็นกระแส "ต่อต้านสตรีนิยม" (Anti-feminism) ที่เลวร้ายมากในเกาหลีใต้ เพราะไม่ใช่แค่เหยียดผู้หญิงที่ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แต่คนที่ออกมาเรียกร้องยังถูกจองล้างจองผลาญเหมือนไม่ใช่คน จากคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชาย

ผมจะยกตัวอย่างความตกต่ำของสังคมที่โทษผู้หญิงไปทุกอย่างแบบนี้ เช่น ประธานาธิบดี ยูนซ็อกยอล โทษพวกสตรีนิยมว่าเป็นตัวขัดขวางความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง และเป็นเหตุให้อัตราการเกิดในเกาหลีใต้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

พูดง่ายๆ ก็คือ โทษว่าที่ประเทศเราไม่มีประชากรเกิดใหม่ เป็นเพราะผู้หญิงลุกขึ้นมาต่อสู้กับการกดขี่ของผู้ชายเกาหลี 

ผมว่าถ้าผู้นำประเทศยังคิดแบบนี้ อีกไม่นานเกาหลีใต้สิ้นชาติแน่นอน เพราะผู้หญิงจะยิ่งไม่อยากมีลูกกับผู้ชาย เพราะอะไรๆ ก็โทษผู้หญิงไปหมด 

ผลก็คือเกิดกระแสที่เรียกว่า 4B นั่นคือ 1. ผู้หญิงไม่ยอมมีเซ็กส์กับผู้ชาย 2. ไม่ยอมมีลูก 3. ไม่ยอมเดตกับผู้ชาย 4. ไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชาย 

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบผู้ชายแต่ชอบผู้หญิง แต่เพราะผู้ชายเกาหลีมันสุดจะทนจริงๆ 

อัตราการเกิดที่ต่ำแบบนี้จะทำให้เกาหลีสิ้นชาติแน่ๆ หากไม่ยอมรับประชากรใหม่ๆ จากผู้อพยพ ซึ่งผมก็ยืนยันได้อีกว่าเกาหลีใต้นอกจากจะเหยียดเพศแล้ว ยังเหยียดเชื้อชาติอย่างเลวร้าย ดังนั้นอย่าหวังว่าจะสามารถเพิ่มประชากรด้วยการับผู้อพยพได้

สรุปก็คือ ก่อนจะสิ้นชาติ เกาหลีใต้จะสิ้นสภาพในทางเศรษฐกิจ เพราะไม่มีประชากรใหม่ๆ ในการผลิตและบริโภค 

ตัวอย่างชัดๆ คือ ใครจะมาบริโภค K-POP? เพราะประชากรรุ่นใหม่จะลดลง ไม่ต้องรอกันนานเราก็เริ่มเห็นภาวะขาลงของมันแล้ว เพราะยอดขายอัลบัม K-POP ในครึ่งปีนี้ลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี 

ปัจจัยขาลงของ K-POP ที่สำคัญๆ มาจากการแบน K-POP ของทางการจีน เนื่องมาจากเกาหลีใต้ทำตัวเป็นลูกน้องสหรัฐฯ ที่ซื่อสัตย์จนยอมให้มีการติดตั้งระบบขีปนาวุธที่เป็นภัยต่อจีน นับแต่นั้นกระแส K-POP ในจีนก็สูญพันธุ์

เมื่อสูญเสียตลาดจีนไปแบบถาวร วงการ K-POP ก็พยายามอ้อนวอนตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การหา 'เทรนนี' หรือเด็กฝึกที่จะเป็นไอดอลจากไทยบ้างหรือเวียดนามบ้าง เพื่อจะพึ่งตลาดเหล่านี้

แต่ล่าสุด คนไทยที่ชอบเรื่องป๊อปๆ ก็หันมาสนับสนุน T-POP คือป๊อปของไทยกันมากขึ้นเพราะมีวิวัฒนาการดีวันดีคืน ยังไม่นับกระแส 'แบนเกาหลี' ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนทั่วไป อันเนื่องมาจากปัญหาการเหยียดคนต่างชาติของคนเกาหลีนั่นเอง ดังนั้น อนาคตของ K-POP ในไทยก็คงจะ Sunset ในอีกไม่ช้าเหมือนกัน

โปรดทราบว่าการดำรงอยู่ของ K-POP ขึ้นกับตลาดนอกเป็นหลัก หากพึ่งตลาดภายในอย่างเดียวเหมือนกับ J-POP มันจะไม่มีทางดำรงอยู่ได้เป็นเวลานานได้ (โปรดสังเกตว่าญี่ปุ่นเสพป๊อปของตัวเอง ไม่ค่อยง้อตลาดนอก จึงไม่เน้นทำ โฆษณาชวนเชื่อ) ดังนั้น เกาหลีใต้จะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่น่ารักที่ฉาบฉวยต่อไปเพื่อให้ตลาดป๊อปของตัวเองอยู่ได้ 

แต่มันจะอยู่ยืดได้อย่างไร ในเมื่อผู้ชายเกาหลีซึ่งเป็นแกนหลักของ K-POP ถูกเปิดโปงความเลวร้ายถี่ขึ้นเรื่อยๆ แฟนๆ ต่างชาติที่มีความคิดเป็นของตัวเองก็เริ่มจะปลีกตัวจากวงการนี้ 

เพราะมันสมเหตุสมผลตรงไหนที่แฟนคลับที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จะปลาบปลื้มกับผู้ชายที่มาจากสังคมที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างในกรณีห้องลับ Telegram แม้ว่าจะเป็นผู้ชายคนละพวกก็ตาม แต่ใครจะรู้ว่าพวกไอดอลชายจะไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น?

ไม่เชื่อลองดูกรณี Burning Sun ก็แล้วกัน 
 
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการ และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by ANTHONY WALLACE / AFP