เพราะสาเหตุนี้ ทรัมป์จึงต้องถูกลอบสังหารจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

เพราะสาเหตุนี้ ทรัมป์จึงต้องถูกลอบสังหารจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

มันไม่ใช่เรี่องปกติแน่ๆ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบสังหารถึงสองครั้งในรอบสองเดือน โดยที่ดวงของเขายังแข็งโป๊กจึงรอดมาได้ทั้งสองครั้ง 

การลอบสังหารผู้ทรงอิทธิพลมันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ อยู่แล้ว แต่การลงมือถึงสองครั้งในเวลาใกล้ๆ กัน มันส่อให้เห็นว่า "น่าจะมีอะไรหรือใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่?"

นับตั้งแต่การลอบสังหารคราวที่แล้ว มี "ทฤษฎีสมคบคิด" ที่พยายามชี้ว่า มือสังหารรายนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับ "พวกอำนาจเหนือรัฐ" หรือ Deep state โดยชี้ว่ามือลอบสังหารรายเมื่อเดือนกรกฎาคม คือ ทอมัส คุกส์ ปรากฏตัวในภาพยนต์โฆษณาของบริษัท Blackrock

Blackrock เป็นบริษัทลงทุน ที่ลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก จนร่ำลือกันว่ามีอิทธิพลขนาดชี้นำธุรกิจของโลกได้ด้วยการใช้ทุนมาซื้อหุ้นเพื่อบงการอยู่เบื้องหลัง 

บริษัทนี้จึงถูกมองว่าเป็น "สายการเงิน" ในการควบคุมระเบียบโลกโดยพวกที่มีอำนาจเหนือรัฐที่อยู่ค้ำฟ้ากว่า "รัฐบาล" 

พวกอำนาจลึกล้ำ หรือ Deep state  ที่ว่านี้ คือเครือข่ายระบบราชการ เครือข่ายนายทุน เครือข่ายชนชั้นนำบางตระกูลที่สืบทอดอำนาจหลายศตวรรษ พวกนี้จะทำงานแบบข้ามรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนหัวและตัว พวกนี้ก็ยังจะขับเคลื่อนวาระของตัวเองต่อไป

หากรัฐบาลไหนทำท่าจะขัดขวางวาระของพวกเขา ก็จะถูก "สั่งเก็บ" แต่ถ้ารัฐบาลไหนคล้อยตามพวกเขา ก็จะถูกส่งเสริมให้อยู่ในอำนาจนานๆ 

ตังอย่างช่น มีทฤษฎีสมคบคิดที่อธิบายว่าอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ถูกลอบสังหาร เพราะจะสั่งให้ AIPAC เป็นองค์กรต่างชาติ ซึ่งต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด

AIPAC ก็คือ  American Israel Public Affairs Committee (คณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่ใช่รัฐที่ทำหน้าที่ล็อบบี้ฝ่ายการเมืองอเมริกันเพ่อผลประโยชน์ของอิสราเอล และได้ชื่อว่าเป็นองค์การล็อบบี้ที่ทรงพลังที่สุดในโลก

นั่นเพราะพลังของการเงินและเครือข่ายอำนาจของชาวยิวที่ครอบงำไปทั่วโลกนั่นเอง (โปรดทราบว่า ภาคการเงินของสหรัฐฯ และโลกตะวันตกควบคุมไว้โดยชาวยิว เช่น Blackrock ก็เป็นบริษัทของชาวยิว) 

เมื่อ JFK ต้องการจะลดลดทอนอิทธิพลของ AIPAC พวกนั้นจึงปล่อยเขาไว้ไม่ได้ นี่คือที่มาของทฤษฎีสมคบคิดเรื่อง "มอสซาดฆ่า JFK"

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การตั้งสมติฐานลอยๆ อีกต่อไป เพราะถึงขนาดที่อดีตผู้นำลิเบีย คือ โมอัมมาร์ กัดดาฟี ถึขนาดกล่าวเรียกร้องต่อที่ประชุมสหประชาชาติให้ทำการสอบสวนเรื่องที่ JFK ถูกลอบสังหารเพราะไปขวางรัฐอิสราเอล

กัดดาฟีกล่าวในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชนครั้งที่ 64 เมื่อปี 2009 ว่า "มีการลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ของสหรัฐอเมริกาในปี 1963 เราอยากรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเขาและทำไม มีคนชื่อลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ซึ่งถูกแจ็ค รูบี้ฆ่าตาย ทำไมเขาถึงฆ่าเขา แจ็ค รูบี้ ชาวอิสราเอล ฆ่าลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้ฆ่าเคนเนดี้ ทำไมคนอิสราเอลคนนี้ถึงฆ่าฆาตกรของเคนเนดี้ จากนั้นแจ็ค รูบี้ ผู้ฆ่าฆาตกรของเคนเนดี้ ก็เสียชีวิตอย่างลึกลับก่อนที่เขาจะถูกนำตัวขึ้นศาล เราต้องเปิดแฟ้มนี้ ทั้งโลกต่างรู้ดีว่าเคนเนดี้ต้องการสืบสวนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ดิโมนาของอิสราเอล"

ที่กัดดาฟีเรียกร้องแบบนี้ เพราะกัดดาฟีเป็นผู้นำประเทศมุสลิมที่ต่อต้านอิสราเอล และแม้จะเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ ด้วย แต่ถ้าผู้นำสหรัฐฯ คนไหนไม่เข้าข้างอิสราเอล ก็ถือเป็นพวกเดียวกับกัดดาฟี

18 เดือนต่อมา NATO ทำการแทรกแซงทางทหารต่อลิเบีย และกัดดาฟีถูกโค่นล้มอำนาจและถูกสังหารโดยการ "ปฏิวัติสี" ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่แทรกแซงโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า หลังจากนั้นลิเบียที่เคยร่ำรวยและปราชนอยู่ดีกินดี ก็กลายเป็นแดนมิคสัญญี ทุกวันนี้กลายเป็นประเทศโลกที่สามอย่างเต็มภาคภูมิ

พวกขบวนการ Deep state มีอำนาจสั่งเก็บได้ขนาดนี้ เพราะมีอำนาจเงินตราที่ซ่อนอยู่ตามบริษัท "ที่ดูเหมือนจะโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล" และใช้อำนาจอำพรางโดยหน่วยงานประเภท "องค์กรที่ไม่ใช่รัฐ" หรือพวก NGO เพราะหากใช้รัฐทำงานให้จะมีมลทินได้ง่าย และหากเป็นรัฐบาลที่ตัวเองไม่ได้แต่งตั้งเสี่ยงจะที่จะคุมได้ยาก

ดังนั้นพวกนี้จึงมีอีกชื่อว่า Globalist หรือพวก "พวกนิยมโลกาภิวัฒน์" นั่นคือโดยฉากหน้าต้องการให้โลกไร้พรมแดนโดยอ้างเสรีนิยมและประชาธิปไตย แต่จริงๆ แลวต้องการทะลวงพรมแดนประเทศต่างๆ เพื่อควบคุมภาคการเงิน เมื่อคุมการเงินอยู่แล้วจึงสามารถคุมรัฐบาลนั้นๆ ได้

แล้วการสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้? 

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น นับตั้งแต่การลอบสังการคราวเดือนกรกฎาคม ก็มีการพยายามอธิบายกรณีนี้แบบวิพากษ์พวก Globalist โดยชี้ว่า มือสังหารอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท Blackrock ซึ่งอาจหมายความว่าพวกที่มีอำนาจเหนือรัฐต้องการเก็บทรัมป์เพราะทรัมป์ไปขัดผลประโยชน์ของพวกเขา

หากเราดูการเมืองอเมริกัน ในฉาหน้าเราจะเห็นการต่อสู่ระหว่างพวกอนุรักษ์นิยมที่เป็นพวก Exclusive (ประเทศใครประเทศมัน เชื้อชาติต่างๆ ไม่ควรมาปะปนกัน และมีค่านิยมหลักแบบเดียว) ที่มีทรัมป์และพรรครีพับลิกันและพรรคชาตินิยมในตะวันตกเป็นแกนนำ กับพวกเสรีนิยมแบบโลกไร้พรมแดนที่เป็นพวก Inclusive (รวมความหลากหลายเข้ามาอยู่ด้วยกันทั้งหมด และใมีหลากหลายค่านิยม) พวกนี้มีพรรคเดโมแครตและพรคเสรีนิยมในตะวันตกเป็นแกนหลัก

การเผชิญหน้ากันแบบนี้เป็นเฉพาะกับคนอเมริกันเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาของชาวโลกและไม่ใช่เรื่องที่พวก  Globalist จะต้องใส่ใจ เพราะมันไม่มีเงินและอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่สิ่งที่ทรัมป์สั่นคลอนเงินและอำนาจของพวก Globalist คือท่าทีของเขาต่อ "สงครามโลก" 

สงครามโลกในทางนิตินัยยังไม่เกิด เพราะยังไม่มีการประกาศสงคราม แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วในทางปฏิบัติที่ยูเครน โดยยูเครนเป็นเพียงตัวแทนของตะวันตกและ NATO ในการรบกับรัสเซีย และใช้พวก G7 รบกับจีนในทางการค้า 

ยูเครนนั้นใช้อาวุธของตะวันตกกันฉ่ำจึงไม่ต้องกลัวว่าจะพังในเร็วๆ นี้เพราะมีพี่เลี้ยง ซึ่งรัสเซียก็รู้ดี  แต่จะโผงผางไม่ได้เพราะรบตัวคนเดียวกับตะวันตกทั้งโขยง 

ดังนั้นรัสเซียจึงมักจะขู่เรื่อยๆ ว่า ถ้าเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพราะตัวเองถูกรุมอยู่นั่นเอง เพียงแต่รัสเซียยังไม่ขีดเส้นเอาไว้ว่าจะรบจริงๆ กับตะวันตกเมื่อใด 

ทำไมพวกตะวันตกที่ถูกชักใยโดย Globalist ถึงกล้าท้าทายรัสเซีย? นันเพราะพวกนี้ต้องการสงครามโลกจริงๆ เพื่อที่จะทำสิ่งที่เรียกว่า Great Reset หรือ "การล้างระบบครั้งใหญ่"

ทำไมต้องล้างระบบ? เพราะประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ เป็นหนี้มหาศาลต่อชาวโลกที่ซื้อพันธบัตรของพวกเขา สหรัฐฯ นั้นมีดีก็ตรงที่เงินดอลลาร์และพันธบัตรที่อิงกับดอลลาร์มีความเชื่อถือ "เพราะยังเป็นมหาอำนาจ" เวลามีปัญหาเศรษฐกิจจึงปล่อยบอนด์ออกมาลูกเดียว พอมีปัญหาก็ขึนและลงดอกเบี้ยตามใจชอบ ทำให้เศรษฐกิจประเทศอื่นพังในชั่วข้ามคืน

ดังนั้น ชาติต่างๆ จึงเริ่มลดการถือดอลลาร์ เลิกการถือบอนด์สหรัฐฯ และของตะวันตก และยิ่งถอยห่างเมื่อเห็นว่าโลกตะวันตก "ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ" โดยตัดรัสเซียออกจากระบบชำระเงินของโลกที่บงการโดยตะวันตก นี่เองที่ทำให้อำนาจของพวก  Deep state หรือ Globalist เริ่มเสื่อมถอยลง 

เมื่อมันมีแววว่าจะกู่ไม่กลับ พวกตะวันตกจึงต้องทำ Great Reset มันเสียเลย โดยทำสงครามรูปแบบต่างๆ เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามให้เป็นศูนย์ แล้วตัวเองจะเซ็ตระบบขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้องชำระหนี้สินใคร

นี่คือเหตุของการที่ "จะต้องมีสงครามโลกครั้งที่ 3" แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไร ยังไม่มีใครรู้ แต่ต้องจับตายูเครนเอาไว้ให้ดีว่าจะล้ำเส้นรัสเซียเมื่อไร

เผอิญว่าทรัมป์เป็นพวกไชอบทำสงครามกับรัสเซีย และเห็นว่ายูเครนขอเงินลูกเดียวจากภาษีประชาชนอเมริกันที่กลายเป็นพวกหาเช้ากินค่ำเข้าไปทุกที ดังนั้นทรัมป์จึงแสดงจุดยืนไม่เอาสงครามยูเครน โดยเคยบอกว่าจะไม่ให้เงินแม้แต่สตางค์เดียวกับยูเครน และทำท่าจะญาติดีกับรัสเซีย 

จากคำบอกว่าเล่าของ วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษ์นิยมของฮังการี (ที่เป็นมิตรกับปูติน) กล่าวหลังจากพบกับนายทรัมป์ในฟลอริดา  “เขาจะไม่ยอมให้แม้แต่สตางค์แดงเดียวกับสงครามยูเครน-รัสเซีย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสงครามถึงต้องยุติลง”  

เขาอยากจะหยุดสงครามในยูเครนขนาดที่บอกว่า หากได้รับเลือก เขาจะเจรจาข้อตกลงก่อนที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ และบอกว่าสหรัฐอเมริกากำลัง “เล่นกับสงครามโลกครั้งที่สาม”

เมื่อเป็นถึงขนาดนี้สื่อบางแห่งถึงกับใช้คำว่า Donald Trump hates Ukraine แต่สื่อตะวันตกส่วนใหญ่มักเป็นพวก "โปรโลกาภิวัฒน์" และสนับสนุนใครก็ได้เที่ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยม ดังนั้นสื่อจึงเป็นศัตรูกับทรัมป์แบบออกนอกหน้า

ในเมื่อทรัมป์ขัดขวางชนวนสำคัญที่จะทำให้แผน Great Reset เดินหน้าไปสู่เป้าหมายท้ายสุดได้ ดังนั้นพวก Globalist จึงต้องทำอะไรสักอย่างกับทรัมป์

นี่คือทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่หลายในเวลานี้ และบังเอิญเสียด้วยที่มือลอบสังหารคนล่าสุด คือ ไรอัน เราธ์ เป็นพวก "โปรยูเครน"

บทวิเคราะห์โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by Patrick T. Fallon / AFP

TAGS: #ทรัมป์